ผู้บัญชาการทหารบก นำบิ๊กทหารเข้าอวยพรวันเกิด “สุรยุทธ์” ครบ 71 ปี ไร้เงา “จิระเดช” เต็งปลัด กห.บินนอก เผยองคมนตรีไม่ได้ฝากอะไร แค่ชมกองทัพเข้มแข็ง บอกเฝ้าดูสภาปฏิรูป ชี้แกนนำพันธมิตรฯ ยุติบทบาท ถ้าทุกฝ่ายเลิกกันหมดก็ดี หยันไม่เห็นจะดีสักกลุ่ม แนะม็อบสวนยางดูเศรษฐกิจโลก ใช้หลักพอเพียง ระบุต่างฝ่ายต่างไม่ฟังก็วุ่น โยนรัฐแก้ แต่ถ้าปนการเมืองก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก พล.ท.อักษรา เกิดผล รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.ชาตอุดม ดิตถะศิริ ปลัดบัญชีทหารบก ได้เข้าอวยพร พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะที่เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดครบ 71 ปี ขาดเพียง พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต ผช.ผบ.ทบ.ที่มีข่าวว่าเดินทางไปต่างประเทศ หลังจากอวยพรเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ ได้หารือกับ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นการส่วนตัวเกือบ 1 ชั่วโมง
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเข้าอวยพร พล.อ.สุรยุทธ์ ว่า พล.อ.สุรุยุทธ์ ไม่ได้ฝากอะไร ต่างคนต่างให้กำลังใจกัน ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตนไปให้กำลังใจอดีตผู้บังคับบัญชาที่ทำงานมาตลอด ไม่ใช่เฉพาะองคมนตรีที่ไปอวยพร แต่อดีตผู้บัญชาการทหารบกทุกคนจะมีตัวแทนของกองทัพบกไปอวยพร ในฐานะที่ท่านเหล่านั้นได้ทำคุณประโยชน์ต่อกองทัพบก ถือเป็นวัฒนธรรมของเราที่ต้องมีความกตัญญูรู้คุณ กตเวทิตา ซึ่งทาง พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ฝากชื่นชมกองทัพบกที่ทำหน้าที่เข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่ในทุกภารกิจ
ต่อมาที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อเวลา 14.30 น.ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีการตั้งคณะทำงานสภาปฏิรูปการเมืองว่า ก็เฝ้าดู แต่จะได้หรือไม่ได้ เป็นเรื่องของสภาปฏิรูป และฝ่ายบริหารที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ เรายังทำงานของเราอยู่ในภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่นที่เป็นปัญหาของบ้านเมืองก็เป็นเรื่องที่มากเกินไปสำหรับเรา เพราะเกี่ยวพันหลายส่วน หลายมิติ หลายผลกระทบ เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งดังกล่าว ก็เฝ้าดูว่า จะสำเร็จหรือไม่ ซึ่งต้องดูว่า ผลสำเร็จจะเป็นอย่างไรและจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ส่วนตนสนใจเรื่องของทหารมากกว่า
เมื่อถามถึงกรณีที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยุติบทบาทในการเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้ายุติกันทุกฝ่ายก็ดีหมด ตนไม่ได้เข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะทหารไม่ได้เป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทหารทำหน้าที่ของทหาร ทุกคนรู้หมดว่า กำลังทำอะไรกันอยู่ จะดีหรือไม่ดีก็รู้อยู่แก่ใจ และไปตัดสินใจเองว่าจะไปทำอย่างไร ตนคงไม่บังอาจไปบอกว่าให้คนนั้นหรือคนนี้หยุดทำอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องของตน ถ้าทำดีก็ได้ดี ถ้าทำไม่ดีก็ได้รับผลต่อไป คนไทยเขาคิดกันแบบนี้ ส่วนกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศพร้อมร่วมปฏิรูปประเทศกับทุกกลุ่มรวมถึงกลุ่มนปช.ด้วยจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหรือไม่นั้น คิดว่าถ้าเลิกทุกกลุ่มได้ก็ดี เพราะไม่เห็นว่า จะดีสักกลุ่ม ถ้าทำให้บ้านเมืองให้สงบและปลอดภัยต้องทำ จะรวมกลุ่มกี่กลุ่มก็ไม่ทราบ แต่ถ้าร่วมกันทำความดี ตนไม่ขัดแย้งกับใครอยู่แล้ว ถ้ารวมกันแล้วไม่สงบเรียบร้อย ตนไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีกฎหมายที่ตนจะไปดำเนินการกับเขาได้
ผู้บัญชารทหารบก ยังกล่าวถึงการชุมนุมของม็อบสวนยางที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า ตนไม่ขอวิเคราะห์วิจารณ์ว่า เรื่องการเมืองจะเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ที่เราเห็นคือมีแกนนำและมีหัวหน้า ขณะเดียวกันมีปัญหาเรื่องราคายางกันอยู่ ต้องไปหากันให้เจอว่า จะแก้ไขปัญหากันตรงไหน คิดว่า คงจะหาหนทางในการพูดคุยกันได้ เพราะส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความเดือดร้อน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันดู คือ ต้องมองในข้อเท็จจริงว่า อะไรเป็นอะไร สถานการณ์เศรษฐกิจของโลกตอนนี้เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นต้องใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ทำอย่างไรถึงจะอยู่กันได้ และทำอย่างไรจะรอดพ้นในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจของโลกตกต่ำ ทำอย่างไรจึงจะรอดพ้นตรงนี้ไป ถ้าได้รับการช่วยเหลือจำนวนหนึ่งแล้ว ผ่านพ้นระยะเวลาตรงนี้ไปแล้ว เมื่อวันหน้าราคาสูงขึ้น คิดว่า น่าจะพอคุยกันรู้เรื่อง ขณะนี้ตนคิดว่าทุกฝ่ายพยายามช่วยกันดำเนินการอยู่ หากต่างฝ่ายต่างไม่ฟังกัน และมีการยั่วยุกัน ตนคิดว่าจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายและเป็นผลเสียต่อประเทศไทยในภาพรวม
“ผมเข้าใจดีในความเดือดร้อนของพี่น้องชาวสวนยาง แม้กระทั่งชาวนา ผมรักเกษตรกรรม และรักเกษตรกรทุกคน เพราะผมเป็นทหาร เพราะทหารกับเกษตรกรแยกกันไม่ได้ รวมถึงประชาชนคนยากจน ผมแยกไม่ได้ เพราะเขาเหล่านั้นอยู่ในใจทหาร จะทำอย่างไรให้คนเหล่านี้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีวิวัฒนาการที่มีความทันสมัย ซึ่งน่าจะเป็นชนชั้นที่ร่ำรวยที่สุด เพราะผลิตอาหารการกินให้กับเราทุกวัน แต่เขาไม่ร่ำรวยเลย ต้องดูว่า จะไปแก้ไขกันตรงไหน คงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะพูดออกไป เพราะไม่ใช่หน้าที่ของผม ฝ่ายที่รับผิดชอบเขาคงดูแลอยู่แล้ว ถ้าเรานำปนกันไปมา เอามาเกี่ยวกับการเมือง ความขัดแย้ง ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ประเทศก็ถอยหน้า ถอยหลังอยู่อย่างนี้ทุกวัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว