กมธ.ตปท.รับกังวลคำตัดสินศาลโลก เสียพื้นที่รอบพระวิหารให้เขมร ไม่เห็นด้วยรัฐแถลงศาลระบุพื้นที่เล็กๆ ชี้นำเรื่องขึ้นมรดกโลกมาตัดสินส่อให้เห็นผู้พิพากษาบางคนเอียงฝั่งเขมร ย้ำเจรจาหลังตัดสินต้องเข้ารัฐสภา แม้แก้มตรา 190-ขณะที่ประชุมวุฒิฯลงมติเห็นชอบ “ณรงค์” นั่งกรรมการ ป.ป.ช.
วันนี้ (12 พ.ย.) นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ และนายสมชาย แสวงการ ในฐานะกรรมาธิการการต่างประเทศ แถลงข่าวกรณีคำพิพากษาของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารว่า รายละเอียดตามคำพิพากษาในข้อ 98, 104 และ 106 ที่ได้ระบุถึงขอบเขตของพื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร จากคำพิพากษาดังกล่าว กรรมาธิการมีความกังวลว่าพื้นที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหารตามที่ระบุไว้ในคำพิพากษาจะตกเป็นพื้นที่ของประเทศกัมพูชา และจากกรณีที่รัฐบาลแถลงว่าคำพิพากษาระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ขนาดเล็กมาก ซึ่งกำหนดขึ้นตามสภาพภูมิศาสตร์ที่ประกอบขึ้นเป็นยอดเขาพระวิหาร โดยไม่ได้กำหนดเส้นเขตแดน และที่สำคัญไม่รวมพื้นที่ภูมะเขือนั้น ทางกรรมาธิการฯ ไม่เห็นด้วย
ส่วนการที่ศาลยกเอากรณีการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของปราสาทพระวิหารขึ้นมากล่าวอ้างไว้ในคำพิพากษาครั้งนี้ด้วยนั้น ถือเป็นรายละเอียดที่อยู่นอกเหนือจากการตีความในเนื้อคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของแนวคิดผู้พิพากษาบางคนซึ่งเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายของกัมพูชาและมีความเกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และได้รับการสนับสนุนจากกัมพูชาให้เข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้พิพากษาในศาลโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเจรจาที่จะเกิดขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชาหลังคำพิพากษาของศาลโลกภายใต้กลไกที่มีอยู่ระหว่างทั้งสองประเทศในลำดับต่อไปนั้น กรรมาธิการฯ เห็นว่ารัฐบาลต้องนำกรอบการเจรจาเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตยและดินแดนของไทย แม้ขณะนี้จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม ซึ่งหัวหน้าคณะการเจรจาเขตแดนต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์
ส่วนการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คือ นายณรงค์ รัฐอมฤต อดีตเลขาธิการ ป.ป.ช. หลังจากที่ประชุมได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมฯ ทั้งในส่วนที่เปิดเผยและส่วนที่เป็นรายงานลับแล้ว ได้ลงมติเห็นชอบให้นายณรงค์เป็นกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยคะแนน 110 ต่อ 12 เสียง จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยคะแนน 120 ต่อ 5 เสียง ไม่ออกเสียง 2 โดยขั้นตอนต่อไปประธานวุฒิสภาจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป
