xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” ชี้ผลพิพากษาชัยชนะ 2 ชาติ รอถามเสียแดนให้เขมรเท่าใด อ้างศาลไม่วินิจฉัยแผนที่เป็นคุณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)
“ยิ่งลักษณ์” เสียใจไห่เยี่ยนถล่มตากาล็อก โยน กต.ประสานช่วย ยันศาลโลกตีความคำตัดสินปี 05 ให้ชัด ให้ทหารอยู่ตามเดิม จ่อคุยขอบเขตปราสาท ตั้งอนุฯ ศึกษาคำพิพากษา ทำตาม กม.ไทย อ้างศาลปัดวินิจฉัยแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นคุณ โยน “ปึ้ง” ประสานเพื่อนบ้าน ถกให้เร็วที่สุด รอถามเสียพื้นที่เท่าไหร่ แต่โวเป็นชัยชนะของสองชาติ ขอเวลารัฐทำงาน วอนม็อบเลิก งัดมุกเก่าต่างชาติเลิกลงทุน โอดงดจ่ายภาษีชาติเจ็บปวด โยนฝ่าย กม.ดูยุยงปลุกปั่น


วันนี้ (12 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการที่ไทยจะให้ความเหลือประเทศฟิลิปปินส์ ที่ถูกพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนเข้าถล่มว่า ประเทศฟิลิปปินส์ถือว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ และเราได้แสดงความเสียใจกับทางฟิลิปปินส์ ขณะเดียวกันได้มอบกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพในการบูรณาการสอบถามเรื่องความช่วยเหลือ ซึ่งวันนี้ได้มีการประสานงานให้ความช่วยเหลือแล้ว ทั้งรูปแบบของตัวเงิน และความช่วยเหลือทางด้านบุคลากรต่างๆ รวมถึงแพทย์พยาบาลเท่าที่ขาด เราก็ได้ประสานงานแล้วเช่นกัน ขณะเดียวกันเราจะให้กรมประชาสัมพันธ์ช่วยจัดบริจาคในส่วนของพี่น้องประชาชนคนไทย เพื่อจะส่งกำลังใจให้แก่ชาวฟิลิปปินส์ เพราะเราถือว่าเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน และเรามีความผูกพันกับฟิลิปปินส์ ทั้งนี้จะเป็นการแสดงความมีน้ำใจร่วมกัน

นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความพยายามจุดกระแสเรื่องไทยต้องเสียดินแดนจากกรณีที่ศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหารว่า จากการตีความของศาลโลกเป็นการตีความให้เกิดความชัดเจนจากมติ ครม.เมื่อปี 2505 ว่าถ้าเมื่อปราสาทเป็นของกัมพูชาดินแดนตรงนี้จะมีการดูแลกันอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามเราจะนำกลไกนี้ไปหารือร่วมกับกัมพูชา ซึ่งมีกลไกกรรมาธิการร่วมอยู่แล้ว และกลไกนี้จะเป็นกลไกที่หารือร่วมกันเพราะศาลโลกได้บอกว่าปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกทั้งสองประเทศต้องร่วมกันพัฒนา ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่เราคงจะนำไปหารือในรายละเอียดต่อไป ขณะเดียวกันในพื้นที่เรายังให้เจ้าหน้าที่ทหารตรึงพื้นที่อยู่ตามเดิม และการทำงานทั้งหมดคงต้องไปหารือเรื่องเนื้อหาขอบเขตของตัวบริเวณปราสาทเป็นอย่างไร แต่รัฐบาลยังไม่ได้พูดถึงเขตแดน ทั้งนี้ วันพรุ่งนี้ (13 พ.ย.) จะนำคำพิพากษาไปชี้แจงกับรัฐสภา ขณะเดียวกันตนเองได้ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาวิเคราะห์เรื่องคำพิพากษา ซึ่งจะเป็นแนวทางที่เราต้องหารือร่วมกัน อย่างไรก็ตามเราจะทำตามบทบัญญัติของกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญของไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่นายกฯ บอกว่าคำพิพากษามีคุณกับประเทศไทย ในเชิงบริหารเราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จากประเด็นแรก ที่เรายื่นไปเป็นการให้ตีความให้ชัดเจนในประเด็นเมื่อครั้งที่ศาลโลกมีคำตัดสินปี 2505 ซึ่งศาลให้ความชัดเจนขึ้นมา ประเด็นที่สอง ทางฝ่ายกัมพูชาขอให้ศาลวินิจฉัยเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ก็จบแล้ว ศาลไม่รับในส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นคุณ เพราะบริเวณนี้ประชาชนเป็นห่วงกังวล ซึ่งทำให้บรรยากาศแนวชายแดนคลายกังวลไปมาก

เมื่อถามว่า การประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจซี จะเริ่มได้เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า รอให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เดินทางกลับและไปประสานงานกับฝ่ายกัมพูชาว่ามีความพร้อมแค่ไหนอย่างไร เราคงจะเร่งในการพูดคุยให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่าต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่จึงจะรู้ว่าพื้นที่อันน้อยนิดที่เราเสียมีจำนวนเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า เราต้องทำอย่างเต็มที่เพราะเชื่อว่าหลายประเทศเมื่อศาลโลกพิพากษามาแล้ว ทั้งสองประเทศก็ต้องหารือแนวทางตามเจตนาของศาลโลก เพราะไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งคงอยู่ที่สองประเทศถ้าสามารถที่จะหารือในการบริหารพื้นที่ร่วมกันได้ก็น่าจะเป็นประโยชน์

เมื่อถามว่า ประเมินหรือมาว่าทำไมคำพิพากษาของศาลโลกที่ออกมา สื่อต่างประเทศและกัมพูชา ออกมาพูดในทางตรงกันข้ามกับฝ่ายไทย นายกฯ กล่าวว่า ต้องบอกว่าต่างฝ่ายต่างต้องมองในมุมของตนเอง แต่ประเด็นเราอย่าไปมองว่าเป็นชัยชนะหรืออะไรเลย ถ้าถามก็ถือว่าเป็นชัยชนะของทั้งสองประเทศและความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศที่เราไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน หรือไม่ทำให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ อันนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะปรารถนา แต่การหารือในส่วนของพื้นที่ที่เรียกว่าเป็นพื้นที่ส่วนน้อยบริเวณนั้น คงต้องไปดูกันในรายละเอียดของแผนที่จริงๆ และตัวพื้นที่อีกที ซึ่งศาลโลกยังไม่ได้ให้ความชัดเจนตรงนี้ คงต้องให้ฝ่ายที่ตีความของศาลนั้นมาคุยกันต่อที่คณะอนุกรรมการ ขออนุญาตให้สื่อมวลชนรอก่อน คงต้องศึกษาทีละขั้น เพราะเราต้องเอาคำพิพากษานั้นมาดูซึ่งขั้นตอนยังมีอีกเยอะ การจะตัดสินใจอะไรต่างๆรัฐบาลหารือเสร็จแล้ว เมื่อได้ข้อยุติก็ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาตามขั้นตอน และต้องให้ประชาชนรับทราบ

เมื่อถามว่า วันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมควรจะยุติการชุมนุมได้หรือไม่ยังในเรื่องนี้ นายกฯ กล่าวว่า อยากขอความกรุณาเพราะเราเชื่อว่าวันนี้ประชาชน ได้รับทราบการเคลื่อนไหวต่างๆและคำตอบหลายๆอย่าง รวมถึงข้อเรียกร้องรัฐบาลได้ประสานงานและหน่วยงานอื่นๆก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ขอความกรุณาประชาชนได้มีความรู้สึกในบรรยากาศที่ดีต่อกัน และเราค่อยหากลไกอื่นในการที่จะพูดจากัน

เมื่อถามว่า กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองยกระดับขับไล่รัฐบาลคิดว่าจะสำเร็จหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงไม่พูดอย่างนั้น เพราะเราต้องมองว่าในส่วนของรัฐบาล รัฐบาลต้องดำเนินการไป ถ้าไม่มีรัฐบาลเราก็ทำงานกันไม่ได้ วันนี้ยังมีกลไกเจซี และขั้นตอนต่างที่ต้องทำงานอีกเยอะ เราไม่อยากให้เกิดการสะดุด และเราก็พยายามอย่างเต็มที่ในข้อเสนอต่างๆของมวลชน ก็ขอให้เวลาในการทำงานของเราเถอะ ขอให้เราได้พิสูจน์ เราก็ได้รับฟังข้อคิดเห็นมาแล้ว อยากให้ประชาชนกลับและยุติการชุมนุม เพื่อจะได้อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เราไม่อยากได้ยินว่าหลายๆประเทศเปลี่ยนกำหนดการไม่เดินทางมา หรือไม่มาลงทุนในประเทศไทย เพราะหลายมาตรการต่างๆ เราอยากให้ร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น

เมื่อถามว่า การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ประชาชนหยุดงาน ตั้งแต่วันที่ 13-15 พ.ย. และให้ชะลอการเสียภาษี จะยิ่งสร้างความเสียให้ประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลรณรงค์ตลอดเวลา และเชื่อว่าไม่ว่าใครคงอยากรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนเสียภาษีอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งเป็นสิ่งทีรัฐต้องทำ และการทำงานต่างๆ หรือการศึกษา ต่างๆ อย่าหยุดงานเลย เพราะยังมีเวลาอื่นๆนอกเวลาทำงานยังสามารถแสดงออก แสดงความคิดเห็นได้ การเสียภาษีต่างๆ สุดท้ายจะทำให้ประเทศเราเจ็บปวด ที่ไม่เสียภาษีและจะส่งผลถึงเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อพวกเราเอง ตรงนี้ต้องขอความร่วมมือ

เมื่อถามว่า ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ในฐานยุยงปลุกปั่น นายกฯ กล่าวว่า ต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา แต่ตนต้องขอร้อง และพยายามหลีกเลี่ยง เราอยากให้มีความอดทนซึ่งกันและกันไม่อยากเห็นความรุนแรง การใช้กฎหมายจะใช้เท่าที่จำเป็น เราก็พยายามขอร้องก่อน ซึ่งเชื่อว่าถ้าประชาชนมองด้วยเหตุด้วยผลสิ่งต่างๆ เหล่านี้น่าจะช่วยกันสนับสนุนในการเสียภาษีภาครัฐมากกว่า และถ้าหยุดงานกันเยอะๆ แล้วใครจะทำงานตรงนี้ต้องขอฝากไว้ด้วย

เมื่อถามว่านายกฯ กลัวนกหวีดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “พอแล้ว พอแล้วนะคะ”


กำลังโหลดความคิดเห็น