โฆษกเพื่อไทยเข้าแจ้งความกองปราบเอาผิดสุเทพ จัดตั้งศาลประชาชนตัดสิน “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” เข้าข่ายเป็นความผิดฐานพยายามก่อการกบฏ ด้านรองโฆษกรัฐบาลทำเป็นอ้างการข่าว “สุเทพ” เตรียมใช้ผลคดีปราสาทพระวิหารขับไล่รัฐบาล-ตระกูลชินวัตร
วันนี้ (8 พ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ ได้เข้าแจ้งความต่อผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม ขอให้สอบสวนและดำเนินคดีกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ย.นายสุเทพ ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดให้มีการชุมนุมในบริเวณถนนราชดำเนิน ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีว่าจะจัดตั้งศาลประชาชนขึ้นบริเวณถนนราชดำเนิน เพี่อให้ประชาชนเป็นผู้พิพากษาการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคนในตระกูลชินวัตร โดยนายสุเทพได้กล่าวว่าในวันที่ 11 พ.ย.เวลา 18.00 น.หากรัฐบาลไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้พ้นจากสารบบ จะจัดตั้งศาลประชาชนขึ้น
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวมีผลเป็นการจัดตั้งศาลขึ้นเองเพื่อพิจารณาพิพากษาคดีโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เป็นการนำอำนาจหน้าที่ของศาลที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ ไม่ว่าจะเป็นศาลยุติธรรม หรือศาลปกครองไปใช้โดยไม่มีอำนาจ จึงมีผลเป็นการล้มล้างอำนาจตุลาการตามรัฐธรรมนูญ การประกาศกำหนดเส้นตายให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มิฉะนั้น จะจัดตั้งศาลประชาชนเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลตามที่กล่าวมานั้น ถือเป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยอาศัยพลังของประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม ทำการบีบบังคับกดดันให้ นายรัฐมนตรีต้องกระทำการตามคำขู่ของนายสุเทพ ทั้งที่นายสุเทพ รู้ขั้นตอนในการตรากฎหมายดีว่า เมื่อกฎหมายผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ต้องส่งให้วุฒิสภาเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 148 นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร หรือสภาผู้แทนราษฎรไม่อาจถอนร่างกฎหมายนั้นกลับมาเองได้ แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กลับกล่าวปราศรัยบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างเงื่อนไขอันจะนำไปสู่การบีบบังคับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล อันเป็นขั้นตอนที่จะนำไปสู่การล้มล้างอำนาจบริหารของรัฐบาล หรือทำให้รัฐบาลไม่สามารถใช้อำนาจบริหารดังกล่าวได้
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า นายกรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา ได้ประกาศและแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ร่างกฎหมายดังกล่าวตกไปในชั้นพิจารณาของวุฒิสภา ถึงขนาดที่ประธานวุฒิสภาได้เรียกประชุมวุฒิสภาเป็นกรณีเร่งด่วนในวันที่ 8 พ.ย.และผู้เกี่ยวข้องจะไม่นำร่างกฎหมายดังกล่าวมาพิจารณาอีก แทนที่นายสุเทพ จะยุติการชุมนุมตามข้อเรียกร้องที่มีแต่แรก กลับทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยการกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่านายกรัฐมนตรีมีอำนาจถอนร่างกฎหมายดังกล่าวได้ จึงได้ยื่นคำขาดให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการภายในวันที่ 11 พ.ย.ดังกล่าว ทั้งนี้ โดยมีเจตนาเพื่อสร้างเงื่อนไข และดึงให้ประชาชนได้เข้าร่วมชุมนุมกับตนเองต่อไป เพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ในทางการเมืองในการล้มรัฐบาลต่อไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานพยายามก่อการกบฏ และการกระทำดังกล่าวยังเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน หรือเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล อันมิใช่เป็นการกระทำในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ สำหรับการใช้สิทธิชุมนุมเรียกร้องโดยสงบ และปราศจากอาวุธแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตนมองว่า การกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงเข้าข่ายเป็นความผิดฐานพยายามก่อการกบฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ประกอบ มาตรา 80 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(1) (2) และ (3) พฤติการณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นับเป็นอันตรายร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน อันจะนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง ข้าพเจ้าจึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับนายสุเทพ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
อีกด้านหนึ่งที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่ากรณีที่นายสุเทพ ขีดเส้นตายว่าวันที่ 11 พ.ย.เวลา 18.00 น.เชื่อว่านายสุเทพจะฉวยโอกาสนี้ ใช้ผลการตัดสินคดีปราสาทพระวิหารโจมตีรัฐบาล หากผลทางคดีออกมาเป็นลบกับประเทศไทยก็จะนำเรื่องนี้เข้าไปผสมกับประเด็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แล้วใช้เป็นข้ออ้างขับไล่ให้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภา หรือรวมถึงจะหาโอกาสขับไล่ตระกูลชินวัตรออกนอกประเทศด้วย อยากถามว่าได้วางแผนเช่นนี้จริงหรือไม่ และถ้าจริงขอให้ออกมาพูดให้ชัดๆ ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ กำลังบิดเบือนเจตนารมณ์ของการชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไปเป็นเครื่องมือตอบสนองความอยากเป็นนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ และความอยากเป็นรองนายกฯ ของนายสุเทพ และที่กลุ่ม 40 ส.ว.ยืดการคว่ำร่างไปเป็นวันที่ 11 พ.ย.ก็เป็นการส่งซิกจากนายสุเทพ ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมกับ นายกฯ เพราะขณะนี้ประชาชนที่คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็ได้รับชัยชนะไปแล้ว เพราะทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกจากวาระการประชุมสภาทั้งหมดแล้ว นายสุเทพ จึงไม่ควรโทษนายกฯ หรือกดดันให้รับผิดชอบ
ร.ท.หญิง สุนิสา กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงได้แจ้งให้รัฐบาลทราบว่า มีการใช้โซเชียลมีเดีย ปล่อยข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง เพื่อให้ประชาชนตื่นตระหนก เช่น การส่งข้อความทางไลน์ว่า รัฐบาลกำลังขนกำลังตำรวจจากต่างจังหวัดเข้ามาล้อมปราบผู้ชุมนุม และเตือนให้ประชาชนกักตุนอาหาร และถอนเงินจากธนาคาร เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นความเท็จ จึงขอให้ผู้ชุมนุมอย่าหลงเชื่อข้อความที่ส่งต่อกันทางไลน์ ซึ่งไม่ทราบที่มาของผู้ส่ง และขอให้ใช้สติและวิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร เพราะสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้มีความละเอียดอ่อน