xs
xsm
sm
md
lg

“ปุ้ม” ไล่ม็อบต้านเลิก แต่ปล่อยแดงชุมนุม ซัด “เทือก” ผุดศาลเตี้ยน่าเสียใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
เลขาฯ นายกฯ ยันไม่มีแนวคิดสลายม็อบ ถ้าชุมนุมตามกติกา อ้างนิรโทษกรรมสิ้นสุดแล้ว วอน ส.ว.เข้าประชุม ไล่ม็อบเลิก จวกชาติเสียหาย โวทำตามจนหมดเงื่อนไขแล้ว ซัด “สุเทพ” ผุดศาลประชาชน เรียกร้องศาลเตี้ยน่าเสียใจ จี้กลับมาทำหน้าที่ ส.ส. แต่เชื่อสาวกชุมนุมสงบ จวกพวกไม่รักประชาธิปไตยซากเดนสังคม ด้าน “พิชิต” สับ “เทือก” ฉ้อฉลข่มขืน รธน. ยันไม่ใช่กฎหมายการเงิน


วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดสั่งการให้ทหารสลายการชุมนุมตามที่มีข่าวลืออย่างแน่นอน หากการชุมนุมเป็นไปตามกติกา ตามระบอบประชาธิปไตย และตอนนี้รัฐบาลก็กำลังพิสูจน์ตัวเองอยู่ เพราะนายกฯก็ยืนยันชัดเจนว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสิ้นสุดลงแล้ว วันนี้ก็หวังว่า ส.ว.จะพิจารณาได้ และอยากจะขอร้องกลุ่ม 40 ส.ว.ให้เข้าร่วมประชุม เพราะการที่ ส.ว.ประชุมก็เพื่อลดความขัดแย้ง การยื้อให้การประชุมวุฒิสภาไม่ได้ หรือต้องการลากไปถึงวันที่ 11 พ.ย.ก็ไม่เป็นประโยชน์กับประเทศ ความขัดแย้งต่างๆ ในขณะนี้ขอให้อยู่ในกรอบกติกาดีที่สุด จริงๆ แล้วนายกฯ ก็ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง เมื่อมีความเห็นคัดค้านนายกฯก็พร้อมรับฟัง และเมื่อเงื่อนไขของการชุมนุมหมดไป โดยเฉพาะ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การที่จะมายกระดับการชุมนุมถือว่าไม่มีเหตุผลใดๆ เลย ควรเลิกการชุมนุมด้วยซ้ำ การจะมายกระดับหรือยืดการชุมนุมออกไปจนถึงวันตัดสินคดีพระวิหาร ล้วนแต่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ จึงอยากวิงวอนไปยังแกนนำผู้ชุมนุมและฝ่ายค้านด้วยว่า เมื่อรัฐบาลปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง ก็ต้องไว้วางใจรัฐบาล เมื่อเงื่อนไขตรงนี้หมดไป เงื่อนไขตรงนี้ก็ต้องหมดไปด้วย

มื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งศาลประชาชนในวันจันทร์ที่ 11 พ.ย.นายสุรนันทน์กล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่ยืนยันในระบอบประชาธิปไตย และรัฐสภา พยายามเรียกร้องให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และอยากให้เข้าใจกระบวนการยุติธรรมของไทยที่มีอยู่ ซึ่งการที่นายสุเทพ เรียกร้องให้มีการตั้งศาลประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่น่าเสียใจที่สุด เพราะการเรียกร้องให้มีศาลประชาชนก็คือการเรียกร้องให้มีศาลเตี้ยดีๆ นี้เอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งถ้าพรรคฝ่ายค้านคิดว่าตัวเองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องกลับสภาฯ ได้แล้ว เข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.คืนทุกอย่างเข้าระบบ บริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ อย่าไปสร้างตุลาการนอกระบบ ทั้งๆที่ตัวเองร้องให้คนอื่นเข้าระบบ สิ่งสำคัญนายกฯ มีการหารือกับหลายกลุ่ม โดยเฉพาะความพร้อมในการเตรียมตัวกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่ต้องตัดสินใจหลายเรื่อง การตัดสินคดีพระวิหาร ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และถือเป็นเรื่องของคนไทยทุกคน ดังนั้นความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะลดลงได้แล้ว มาร่วมกันดูว่าศาลโลกจะตัดสินใจอย่างไร

เมื่อถามว่า การที่เสื้อแดงจะออกมาชุมนุมด้วยนั้นจะทำให้การเกิดปะทะกันหรือไม่ นายสุรนันทน์กล่าวว่า เชื่อว่าเสื้อแดงจะชุมนุมด้วยความสงบ และเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเราก็เรียกร้องไปทุกกลุ่ม รวมถึงคนเสื้อแดงด้วยว่าให้ชุมนุมด้วยความสงบ เมื่อถามต่อว่า แนวทางสุดท้ายที่รัฐบาลจะทำคืออะไร เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ขอร้องผู้ชุมนุมที่ชุมนุมโดยบริสุทธิ์ใจก็หวังว่าจะเข้าใจจุดยืนของรัฐบาล ขอประชาชนผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นว่า อย่าเข้าไปเป็นเงื่อนไขการเมืองของกลุ่มอื่น เพราะคนเหล่านี้มีความพยายามจะล้มล้างรัฐบาลนอกระบอบประชาธิปไตยมาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญกว่าล้มล้างรัฐบาลคือการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย และถ้ามีขบวนการที่จะล้มล้างรัฐบาล เราก็ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เต็มที่ ถึงวันนี้ไม่มีอะไรที่ช้าเกินไปถ้าตั้งใจที่จะสร้างความเข้าใจ และสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ประเทศก็จะเดินต่อไปได้ แต้ถ้ามีกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดตั้งธงว่า จะต้องล้มให้ได้ ทำให้เกิดความปั่นป่วนเพื่อให้ตัวเองเข้ามาสู่อำนาจ โดยที่ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง ไม่ต้องผ่านระบอบประชาธิปไตยก็จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ และส่วนตัวเชื่อว่าคนที่รักประชาธิปไตยจะรักษาระบบนี้ไว้ ส่วนคนที่ไม่รักประชาธิปไตยก็กลายเป็นประวัติศาสตร์ เป็นซากเดนของสังคม

ขณะที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 15.00 น. นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวว่า กรณีนายสุเทพยื่นคำขาดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมพ้นจากสภาใน 11 พ.ย. ไม่เกิน 6 โมงเย็น ตนมองว่า แนวทางและข้อเสนอของนายสุเทพฯ ฉ้อฉลและข่มขืนรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ การที่นายสุเทพเสนอแนวทางทำให้กฎหมายตายโดยให้วุฒิสภาลงมติว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงิน แล้วส่งเรื่องกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร และให้ที่ประชุมร่วม ส.ส.กับคณะกรรมาธิการลงมติว่าเป็นกฎหมายการเงิน จากนั้นเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ลงนามรับรอง ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่รับรอง กฎหมายก็ตายทันที

นายพิชิตกล่าวว่า ข้อเสนอเช่นนี้จึงเป็นการที่นายสุเทพกำลังข่มขืนรัฐธรรมนูญ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยไม่ถูกต้องทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และเป็นข้อเสนอที่จะให้วุฒิสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ ในชั้นเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่สภา น.ส.ยิ่งลักษณ์มิได้รับรองร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวด้วยการเงิน และข้อเท็จจริงจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ต้องด้วยลักษณะที่เป็นร่างพระราชบัญญัติในอันที่จะจัดสรร หรือจ่ายเงินแผ่นดิน หรือการโอนงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน หรือการดำเนินการที่ผูกพันกับทรัพย์สินของรัฐ อันจะเป็นจะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 143 เมื่อไม่เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ดังกล่าว

นายสุเทพจะข่มขืนให้ร่าง พ.ร.บ.นี้ ให้เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน เพื่อให้ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงที่ไม่มีอยู่จริงตามร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้อย่างไร เป็นข้อเสนอที่จะให้วุฒิสมาชิกร่วมปิดบังอำพราง ฉ้อฉลข้อเท็จจริงที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่เป็นร่างการเงิน แต่กระทำให้เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน เหมือนกับที่กำลังฉ้อฉลต่อประชาชน โดยชักชวนให้มาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่สุดท้ายก็ปรากฏความจริงแล้วว่าเจตนาที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพคือการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มิใช่ เจตนาที่แท้จริงในการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

นายพิชิตกล่าวต่ออีกว่า นายสุเทพขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา 3 เป็นดังนี้ มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ โดยการชุมนุม การประท้วง หรือแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2556 ไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง จากคำแปรญัตติของนายสุเทพเมื่อพิจารณาแล้วเห็นได้ว่า ถ้อยคำแปรญัตติของนายสุเทพนั้นเป็นคำตอบอยู่ในตัวเองว่า ขอบข่ายของข้อเสนอในการนิรโทษกรรมของ นายสุเทพที่ต้องการให้วุฒิสภาพิจารณามีขอบเขตในการนิรโทษกรรมอย่างไร ซึ่งก็จะเป็นคำตอบที่จะบอกกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะไม่ได้รับนิรโทษกรรมจากคำแปรญัตติของนายสุเทพ ตนมองว่ากลุ่มพันธมิตรฯ รวมถึงประชาชนจะได้ตาสว่างจากการแปรญัตติของนายสุเทพ และการที่นายสุเทพนำเงื่อนไขของการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมาเป็นประโยชน์ทางการเมืองเพื่อที่จะล้มรัฐบาลเท่านั้น นี่คือธาตุแท้ของนายสุเทพที่อ้างต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อประโยชน์ตัวเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น