ประชุมสภา “เจริญ” เดินเกมถอน กม.ปรองดองค้างสภา 6 ฉบับ “จุรินทร์” ซัดทำไมเพิ่งคิดได้ ฝ่ายค้านรุมจี้ผู้ชงร่างแจง “บัง” อ้างยิ่งแตกแยกความสิ้นชาติจะมาถึง ต้องให้อภัยกัน อย่าถือทิฐิ เพื่อไทยสุดซึ้งปรบมือเกลียว ก่อนลงมติ 310 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 ถอนหมด
วันนี้ (7 พ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.20 น. นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ปรากฏว่านายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ตนเกรงว่าจะมีการใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผู้ชุมนุม จึงขอให้รัฐธรรมนูญมาตรา 126 และข้อบังคับ 18 ขอให้เสนอนับองค์ประชุม เพราะสมาชิกบางคนอยากจะไปดูแลประชาชนที่ชุมนุม
ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น เลขานุการวิปรัฐบาล แย้งว่า ขณะนี้การประชุมกำลังดำเนินไปด้วยความราบรื่นอยู่แล้ว และประธานได้แจ้งผ่านสื่อมวลชนไปแล้วว่าจะมีการถอนร่าง 6 ฉบับออกจากวาระการประชุม ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านและกลุ่มผู้ชุมนุม การเสนอเช่นนี้เหมือนตีรวน แสดงให้เห็นว่าเสนอนับองค์เป็นการขัดขวาง
จากนั้นนายเจริญได้กดสัญญาณเรียกสมาชิกให้เข้าห้องประชุมเพื่อทำการนับองค์ประชุม ผลปรากฏมีสมาชิกอยู่ในที่ประชุม 275 คน จากนั้นนายเจริญได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ตนได้หารือกับเจ้าของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ 5 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 1 ฉบับที่ค้างในวาระการประชุมสภา แล้วทุกคนยินยอมที่จะถอนออกไป
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน เสนอว่า ควรให้สมาชิกชี้แจงถึงเหตุผลว่าทำไมต้องถอนร่างออกไป ด้านนายพีรพันธุ์ พาลุสุข หนึ่งในเจ้าของร่างกล่าวว่า เพื่อให้บ้านเมืองไม่ แตกแยกสามัคคีกัน จึงเสนอไปที่สภาแต่รอบรรจุอยู่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา และนโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมีความสับสนและอาจไม่เป็นผลดีต่อการสร้างความปรองดอง ตนไม่ประสงค์ให้ร่างที่เสนอไปถูกตีความนำไปขยายผลที่ไม่ตรงกับเจตนา จึงขอถอนร่างออกจากวาระการประชุม
นายจุรินทร์กล่าวว่า พวกตนไม่ขัดข้องให้ถอนและเรียกร้องมาเป็นปีแล้ว แต่ที่บอกว่าเพราะเห็นแก่บ้านเมืองไม่ต้องการแตกแยก ทำไมเพิ่งคิดได้ บ้านเมืองแตกแยกมาเป็นปี ม็อบเต็มถนน ทำไมพึ่งมาคิดได้ ที่บอกเห็นตามนโยบายของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ชัดเจนแล้วว่าที่ประกาศเป็นเรื่องของสภาไม่จริง รัฐบาลสิ่งได้ใช่หรือไม่ ตนขอให้บันทึกไว้ในที่ประชุมแห่งนี้ด้วย
จากนั้นนายเจริญได้ขอมติจากที่ประชุม แต่นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกร้องให้ผู้เสนอร่างทุกฉบับชี้แจงเหตุผลก่อนว่าทำไมถึงเสนอถอน โดยมีนายนิพนธ์ วิสิษยุทธศาสตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสนับสนุนว่า การเสนอร่างต้องมีคณะผู้ร่วมเสนอ โดยเฉพาะอยากฟังความเห็นของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.มาตุภูมิ ซึ่งเป็นหนึ่งที่เสนอร่างนี้
พล.อ.สนธิกล่าวว่า การที่เราจะตัดสินทำอะไรก็ตามต้องมีเหตุผล มีข้อเท็จจริง คงจำได้ทางฝ่ายค้านพูดเรื่องของภัยของประเทศ ความแตกแยกของประเทศ หลายฝ่ายไม่รู้ว่าขณะนี้เหมือนมีสงครามยิ่งใหญ่ขนาดไหน และไม่มีทางออก เราต้องหันกลับมาให้อภัยกัน ไม่เช่นนั้นความเป็นชาติจะไม่เกิด ถ้าแตกแยกอย่างนี้ความสิ้นชาติจะมาถึง ในฐานะที่เราเป็น ส.ส.และเป็นตัวแทนปวงชน เราได้รับฟังความเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนว่ามองความขัดแย้งของประเทศอย่างไร ทุกข์ใจไหม เป็นหน้าที่ที่เราต้องทำให้รักกัน ตนและเพื่อนสมาชิกจึงได้เสนอญัตตินี้ขึ้นมาเพื่อขจัดความขัดแย้ง ให้รักกัน ไม่ได้เสนอโดยตนคนเดียว ทุกคนมีความเห็นว่าถึงเวลาแล้วต้องหันกลับมา อย่าถือทิฐิมานะ ต้องมองประเทศก่อน เรื่องส่วนตัวไว้ทีหลัง คิดว่าความปรองดองจะเกิดได้ เป็นเหตุเป็นผลในตัวของมันเอง
“ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่ร่วมกันเสนอ แต่วันนี้เราเห็นบ้านเมืองวิกฤตเคลื่อนย้ายมาสู่สังคมไทยมากขึ้น ฝ่ายค้านมองว่าไม่เหมาะสม เราก็เห็นด้วยว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่เหมาะ ต้องรักษาความเป็นชาติไว้ ผมรับฟังกับทุกฝ่ายและเห็นด้วยกับรองประธานสภาให้ความเห็นว่าควรนำมาพิจารณากันใหม่ ผมยอมรับตามครรลองตามระบอบประชาธิปไตย ผมเคยทำบางอย่างรุนแรงที่บอกกันว่าไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย วันนี้ผมเดินตามวิถีประชาธิปไตยแล้ว แต่ยังมีปัญหาแต่ก็รับได้ เพื่อสังคมส่วนรวม ผมและสมาชิกจึงยื่นขอถอนเพื่อเหตุผลดังกล่าว” พล.อ.สนธิกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.สนธิกล่าวจบ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพากันปรบมือให้อย่างคับคั่ง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เราเรียกร้องรัฐบาลมาตลอดว่าให้ละเว้นการนำเสนอได้หรือไม่ แม้กระทั่งตอนนายกฯ เชิญตนไปเข้าร่วมเป็นกรรมการสภาปฏิรูป ตนได้ทำหนังสือแจงไปว่าปัญหาสังคมเดินหน้าได้ถ้าไม่ไปหยิบเรื่องทำนองนี้ขึ้นมา แต่ก็ได้รับการปฏิเสธทุกครั้งจากนายกฯ และรัฐบาล
“วันนี้มีการหารือว่าจะขอให้ถอนร่าง ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกระบวนการข้อบังคับ แม้มี 2 คนที่เสนอมาบอกถอนเพราอะไร ฟังแล้วยังไม่มีท่านใดบอกเห็นแล้วว่ากฎหมายเหล่านี้สร้างปัญหา ที่บอกจังหวะเวลานี้ไม่เหมาะสม แปลว่าจะเสนอเข้ามาอีกใช่หรือไม่ และการเสนอร่างไม่ได้เสนอเพียงคนเดียว แต่มีหลายคนเป็นคณะ ดังนั้น การถอนทุกคนต้องถอนด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
จากนี้ที่ประชุมได้ถกเถียงกันในประเด็นให้ ส.ส.ทุกคนที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างทั้ง 6 ฉบับ ต้องแสดงความจำนงถอนชื่อด้วย จนในที่สุดนายเจริญ ได้ตัดบทให้สมาชิกลงมติถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 5 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 1 ฉบับออกไปจากวาระการประชุม ผลปรากฎด้วยคะแนน 310 ต่อ1 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง จากนั้นนายเจริญกล่าวว่าเพื่อความปรองดองตนขอปิดประชุมเมื่อเวลา 14.20 น.
