ผ่าประเด็นร้อน
นึกไม่ถึงว่าบ้านเมืองของเราจะมีผู้บัญชาการทหารบก ที่มีระบบคิดเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ เพราะหากได้เห็นแต่คำพูดที่สื่อต่อกันมาโดยที่ไม่ได้หลือบมองคนพูดว่าเป็นใคร ตอนแรกคงต้องนึกว่า นี่คือชาวบ้านที่ไร้เดียงสา ห่างไกลข้อมูลข่าวสาร แต่นี่กลายเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้บัญชาการทหารบก ที่ว่ากันว่ามีพลัง มีความสำคัญในอันดับต้นๆของประเทศนี้
คำพูดที่เรียกร้องให้ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และประชาชนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ “ให้ทุกฝ่ายถอยออกมาคนละก้าว” เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และเดินไปข้างหน้าได้
ได้ยินเผินๆ มันฟังดูเท่ หล่อ ซะไม่มีละ!!
แต่สำหรับคนที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก ไม่สมควรพูดออกมาแบบนี้ หากรู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกเกรงใจใครก็สมควร “หุบปาก” นิ่งเฉยเอาไว้จะดี เพราะสิ่งที่พูดออกมา นั้นมันทำให้ชาวบ้านเขายิ่ง “ดูถูกเหยียดหยาม” จนไม่มีดี กลายเป็นว่าคนอย่างผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่รู้จักแยกดีชั่ว ดำขาว ไม่รู้หรือว่าระบบนิติรัฐ นิติธรรมเป็นอย่างไร หลักการเสมอภาคทางกฎหมายเป็นอย่างไร หรือแม้แต่คนโกงคนทุจริตต้องได้รับโทษ ต้องติดคุก
คำถามก็คือ สาระในร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่มีการใช้เสียงข้างมากแก้ไขให้ครอบคลุมล้างผิดในคดีทุจริต คดีอาญา ย้อนหลังไปจนถึงปี 47 และไปข้างหน้าจนถึงเดือนสิงหาคมปีนี้ นี่ถ้าระบุให้ล้างผิดไปจนถึงชาติหน้าได้มันก็คงทำไปแล้ว ไม่ต้องกล่าวว่าต้องการล้างผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ แต่เมื่อได้ข้อความแบบนี้เป็นใครมันก็ย่อมปรี๊ดแตก เพราะนี่คือ “ดำ” และดำดิ่งมืดมนนนทกาล สมควรที่ต้องรุมประณาม เพราะนี่คือกฎหมายอุบาทว์ ที่ร่างโดยพวกคนอุบาทว์ ไม่ต่างจากสมุนโจรที่ต้องการช่วยหัวหน้าโจร เท่านั้น
ขณะที่คนที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก อยู่ท่ามกลาง “ข่าววงใน” นั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญ แต่กลับทำเป็นเหมือนไม่เข้าใจ มองไม่ออก บอกให้ทุกฝ่ายถอย อ้างง่ายๆ ว่าเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และเพื่อความสงบ แทนที่จะบอกว่า “เฮ้ย ทักษิณ มันจะมากไปแล้ว เอาเปรียบคนอื่นมากไปแล้ว ถอยออกไป” เพราะมันทำผิด ทำลายหลักนิติรัฐจนป่นปี้ และถ้าคราวนี้ ทักษิณ ชินวัตร สั่งให้บรรดา “ขี้ข้า” ทั้งหลายดันจนสุดซอยสำเร็จ เท่ากับว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีหลักยึดอะไรเลย กฎหมาย ระเบียบต่างๆ ก็ไม่มีความหมาย
และนี่คือสาเหตุที่คนทุกกลุ่มในบ้านเมืองนี้ ที่พอมีสติปัญญา มีความสำนึกรับผิดชอบต่อตัวเองและความถูกต้องของบ้านเมืองต่างดาหน้าออกมาคัดค้านกันอย่างจริงจังและไม่ยอมถอยกลับเป็นอันขาด
คนอย่างผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเข้าใจว่า ชาวบ้านทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ ทั้งนิสิตนักศึกษา ข้าราชการตัวเล็กๆ นักธุรกิจ แพทย์พยาบาล สารพัดอาชีพที่พร้อมใจกันออกมาในเวลานี้แบบไม่เลือกเขาเลือกเรา ไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวาย แต่ออกมาเพื่อ “หยุดกฎหมายอุบาทว์” ที่ส่งเสริมคนโกง ส่งเสริมให้คนโกง โกงต่อไป เอาเปรียบคนอื่นต่อไปต่างหาก คนพวกนี้ทำไมถึงเข้าใจง่าย มีแต่บางคนเท่านั้นที่นอกจากไม่มีความรับผิดชอบ ไร้แก่นสาร “ท่าดีทีเหลว” เพราะในหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรง ก็กลับไม่ได้สร้างความภาคภูมิใจให้คนที่อยู่ข้างหลังได้เลยแม้แต่น้อย
ท่าทีและคำพูดดังกล่าวข้างต้นของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งชวนให้หดหู่หมดความเชื่อถือ เพราะนี่ลักษณะของพวก “กลางกลวง” ไม่รับผิดชอบ แถมในความหมายไปในทางที่จะสนับสนุนคนทำผิดเสียอีก
นาทีนี้เชื่อว่าสังคมไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะต้องมีท่าทีอย่างไร หรือต้องการให้เป็น “หางเสือ” คัดท้ายไปในทางที่ถูกต้อง เพราะเชื่อว่า “หมดสภาพ” ไปนานแล้ว หมดสภาพไปตั้งแต่การเดินตามหลัง นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และประกาศยอมรับคำสั่งแบบ “ไม่หือไม่อือ” อ้างว่าเป็นทหารต้องรับคำสั่งรัฐบาล พูดให้ดูเท่ห์ดูดีดูหล่ออย่างเดียว
ขณะเดียวกันก็อย่าได้แปลกใจ หากย้อนกลับไปเปิดเทปลับ “ถั่งเช่า” ที่ได้ยินคำสนทนาระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ก่อนจะได้รับมอบหมายให้มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กล่าวว่า “ผม(ทักษิณ)ไว้ใจไอ้ตู่ที่สุด” มันก็อาจเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดในวันนี้ก็ได้
ดังนั้นในสถานการณ์ที่กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ แทนที่คนอย่างเขา ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก จะมีหลักยึด หลังคิดให้กับสังคมได้พอชื่นใจได้บ้าง แต่นี่กลับกลายเป็น “ภาระ” ให้ต้องมาเสียเวลาจ้องมองเหยียดหยาม ถึง “วุฒิภาวะ” เพราะแทนที่จะบอกให้ ทุกฝ่ายถอยกันคนละก้าวนั้น ทางที่เหมาะสมที่สุดแล้ว คนที่ต้องถอยไปให้ไกลก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นแหละ!!