ผ่าประเด็นร้อน
นาทีนี้อาจไม่จำเป็นต้องถาม หรือคาดคั้นเอากับ สุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า “สู้จริง” หรือเปล่า ทำไม “สู้ๆ หยุดๆ” เพราะเมื่อประเมินจากสถานการณ์ บรรยากาศในเวลานี้แล้ว เชื่อว่า “จุดติด” หากประเมินจากความเป็นจริงจะเห็นว่ามีมวลชนออกมาทุกกลุ่มแล้ว ทั้งนักศึกษา อาจารย์จากแทบทุกมหาวิทยาลัย กลุ่มแพทย์ นักธุรกิจ ต่างมีการออกแถลงการณ์คัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมล้างผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร ทุกคดีทั้งอดีตไปจนยันอนาคตชนิดที่เรียกว่าถ้าทำได้ก็อาจจะล้างผิดรอเอาไว้จนถึงชาติหน้าก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็สามารถ “เรียกแขก” ได้ชะงัด เพราะทำให้คนไทยกลับมารวมตัวแบบ “สามัคคีชุมนุม” กันได้อีกครั้ง
การออกแถลงการณ์ในนามสถาบันการศึกษาหลายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ กลุ่มนักธุรกิจที่ออกมาชุมนุมพร้อมกันหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มันก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความรู้สึกร่วมกันที่แทบจะไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความแล้ว และที่สำคัญกลุ่มคนที่ออกมาคราวนี้ล้วนมีความตื่นรู้ มีการติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนที่ออกมาล้วนมีความกระตือรือร้น ทุกเวทีมีคนเข้าร่วมแน่นแบบไม่จำเป็นต้องมีนักไฮด์ปาร์กที่โดดเด่นก็เข้าร่วม เพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจนดังกล่าวนั่นเอง
ด้วยบรรยากาศ อารมณ์และความรู้สึกแบบที่เห็นนี่แหละ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เป็น “พลังเพื่อเดินไปสุดซอย” เหมือนกัน
ขณะเดียวกัน สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือใครก็ตาม นาทีนี้ถือว่าเป็น “โอกาสทอง” ที่คว้าเอามา และมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่จะเลือกเอง ไม่มีใครไปบังคับหรืออ้อนวอนได้ แต่ถ้าไม่เดินนำไปจน “สุดทาง” หรือจะ “รีรอ” ครึ่งๆ กลางๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า ชาวบ้านเขาตื่นแล้ว เขาไปไกลแล้ว และที่จริงก็เดินไปเองได้อยู่แล้ว เพียงแต่บางครั้งถ้ามีคนเข้ามาเพิ่มบรรยากาศมันก็ “สนุก” ยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ดีล่าสุด สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ได้ประกาศ “นำม็อบ” ย้ายเวทีจากสามเสนมาปักหลักที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใช้ถนนราชดำเนินเป็นสมรภูมิในการต่อสู้ พร้อมทั้งเตรียมประกาศยกระดับการต่อสู้เป็นลำดับถัดไป หากรัฐบาลยังไม่ยอมถอยร่างกฎหมายสุดซอยดังกล่าว ขณะเดียวกันเขาอ้างว่านี่คือ “ฉันทามติ” ของมหาชนที่ต้องการแบบนี้ ก็ต้องถือว่านี่คือสิ่งที่ต้องจับตามองด้วยใจระทึก เพราะนี่คือบทบาทการนำม็อบบนท้องถนนเป็นครั้งแรกของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำตามเสียงเรียกร้องและแรงกดดันของประชาชน ซึ่งยังไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่รับรองว่านี่คือ “พลัง” ที่แข็งแกร่งยิ่ง และได้ใจ ขณะเดียวกันเชื่อว่าจะทำให้มีประชาชนเข้ามาร่วมเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก
จนทำให้การยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ จะเกิดขึ้นตามมาอีกไม่ช้า
สิ่งที่น่าจับตาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือ “คำพูดปริศนา” ของสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เตือนให้ระวังการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง หลังจากที่มีกระแสต่อต้านร่างพระราชบัญญัติล้างผิดให้ทักษิณเพิ่มมากขึ้นและลุกลามออกไปทั่วประเทศ ทำให้เส้นทางแบบนี้เดินต่อไปไม่ได้ ก็ต้องใช้ทางลัดนั่นคือ “ก่อรัฐประหาร” แต่คราวนี้น่าจะเป็นฝีมือของ “ทหารรับจ้าง” ของ “ทักษิณ” เป็นคนลงมือ แล้ว “เซตซีโร่” ล้างผิดให้ทุกฝ่าย ส่วนจะเป็นไปได้แค่ไหนก็อาจลองย้อนกลับไปฟัง “คลิปถั่งเช่า” ที่มีการเอ่ยถึงชื่อทหารคนหนึ่งที่ไว้ใจอยู่คนหนึ่งที่ชื่อตู่เต่ออะไรนี่แหละ เพราะถ้าอ้างอิงสถานการณ์ยุ่งเหยิง แล้วสอดแทรกเข้ามา สิ่งที่บางคนยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีทางเกิดขึ้นถึงตอนนั้นมันก็อาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งก็ได้
ขณะเดียวกัน นาทีนี้ไม่ต้องไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้เสียเวลาเพราะคงไม่มีคำตอบและคงหงุดหงิดหัวเสียเช่นเดิม!!