**อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้หลังจากที่ ทักษิณ ชินวัตร ถูกถีบพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ด้วยการถูกรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2556 ที่เขาไม่โจมตีผู้นำกองทัพที่ทำให้ต้องพ้นจากอำนาจโดยตรง ทั้งที่โดยช่วงจังหวะเวลายังอยู่ในห้วงของการครบรอบ 7 ปีของการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มที่ จนทำให้ต้องระเหเร่ร่อน ลอยคอกลางทะเลไม่ถึงฝั่งสักที แปลกตรงที่ว่า ทักษิณ ไม่พูดถึงกองทัพสักแอะ ทั้งที่ตามปกติแล้วต้องพูด ต้องตำหนิ
อย่างไรก็ดี เมื่อจับเอาคำพูดบางตอนของเขาระหว่างให้สัมภาษณ์ทางออนไลน์ล่าสุด ก็พอเห็นสาเหตุได้ดีว่า "มีฝ่ายตรงข้าม เคยมีเรื่องกับผมไปพบ ผมก็ให้พบ" มันก็เหมือนกับการเปิดเผยออกมากันแล้วว่า เวลานี้ตัวเขากับผู้นำกองทัพเคลียร์กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้นำ คมช. ที่เคยกล่าวหาร้ายแรงกับ ทักษิณว่า โกง สร้างความแตกแยก ทำลายองค์กรอิสระ รวมไปถึงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เวลานี้ไม่สมควรไปพูดถึงเพราะ"ไร้คุณค่า" กับการเสียเวลาไปพูดถึง
**ปัจจุบันมีบทบาทไม่ต่างจาก "ขี้ข้า" ไปแล้ว
แต่ที่ต้องตั้งข้อสังเกตอีกครั้งกับคำพูดของ ทักษิณ ที่บอกว่า "มีฝ่ายตรงข้าม เคยมีเรื่องกับผมไปพบผม" นั้นมันน่าคิด เพราะถ้าบอกว่าในอดีตฝ่ายตรงข้ามย่อมต้องหมายรวมถึง "ตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก อย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้หากจำกันได้สักปีสองปีก่อนมักจะมีคนเสื้อแดงยกขบวนไปประท้วงที่หน้ากองทัพบกอยู่ประจำ ถึงขั้นเคยนำ "ผ้าถุง"ไปมอบให้ก็เคยมี แต่หลังจากมี "คลิปถั่งเช่าอุบาทว์" เปิดเผยออกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ก็ทำให้เปลี่ยนไป สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแบบกลับตาลปัตร เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้มีคนเสื้อแดงไป "มอบดอกไม้ให้พล.อ.ประยุทธ์" กันหน้าตาเฉย
ที่น่าสนใจก็คือ เนื้อหาในคลิปมีเสียงพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาว่า "ผมไว้ใจไอ้ตู่" มากที่สุด และตั้งแต่นั่นมาทุกอย่างก็ราบรื่น รวมไปถึงข่าวคราวที่ยืนยันว่าทั้งคู่ได้พบกันแล้วที่สหรัฐอเมริกา
แม้แต่การโยกย้ายนายทหารประจำปีล่าสุด นายทหารที่เคยนำกำลังเข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งเหตุการณ์เมื่อปี 52-53 อย่าง พล.ท.วลิต โรจนภักดี ที่ยังแป๊กอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพน้อยที่ 1 ไม่ขยับไปไหน รวมทั้งนายทหารคนอื่นที่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ดังกล่าว ว่ากันว่าเป็นเพราะ "คำขอ" มาจากข้างนอก จริงไม่จริงอาจจะไม่มีหลักฐานมาปรากฏ แต่เมื่อพิจารณาจากตำแหน่งที่แต่งตั้งโยกย้ายล่าสุด มันผิดสังเกต และมองได้อย่างนั้นจริงๆ
จะเป็นเพราะแนวรบด้านกองทัพเปลี่ยนแปลงไปแบบแบ่งปันผลประโยชน์และอำนาจได้อย่างลงตัว วินวิน หลังจาก "ไว้ใจไอ้ตู่ที่สุด" หรือเปล่า จึงได้วางใจ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังกินไม่ได้นอนไม่หลับก็คือ องค์กรนอกสภา ทั้งที่เป็นองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และองค์กรศาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และที่สำคัญก็คือศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีหลายเรื่องที่จ่อเข้าสู่การพิจารณาชี้ขาด ซึ่งเมื่อคำนวณตามตารางเวลาก็ถือว่ามาประจวบเหมาะกันพอดี พอดีกับ "ผลงานห่วยแตก" ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัวแทนของครอบครัวชินวัตร ที่กำลังผลิดอกออกผลออกมาให้ชาวบ้านได้เห็นมากขึ้นทุกวัน
ข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน มีหนี้สินเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ผลสำรวจชาวบ้านที่ออกมาทุกโพล ล้วนมีเสียงบ่นเรื่องดังกล่าวดังขึ้นทุกวัน สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวไม่เป็นท่า บรรยากาศแบบนี้แม้จะคุมสื่อหลักเอาไว้ในมือ แต่ก็เพียงแค่ยื้อเวลาไปได้ชั่วคราวเท่านั้น ย่อมหนีความจริงไปไม่พ้นหรอก และที่สำคัญพลังในการปกป้องรัฐบาลที่ล้มหลวมันก็ย่อมไม่มีพลังเหมือนก่อน
**หลายคนอาจจะเถียงว่า ยังมีคนเสื้อแดงจำนวนมากยังสนับสนุน แต่ถ้าพิจารณาจากความเป็นจริง ก็คงไม่เถียงว่ายังมีอยู่มาก แต่ความหมายก็คือ มันไม่เพิ่มขึ้น มีแต่ลดลงทุกวัน หรือวางเฉยมากขึ้น
หากพิจารณาจากข้อมูลที่อ้างจากปากของ ทักษิณ ชินวัตร ว่าพวกจ้องล้มรัฐบาลในวันที่ 8 ตุลาคม นั้น นาทีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณชัด แต่ถ้าให้เครดิต ทักษิณ ที่อาจรู้ข้อมูลภายในก็อาจเป็นไปได้ ถ้าดูตารางปฏิทินเพราะในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะพิจารณาตัดสินคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในกรณีที่ตัดสิทธิภาคประชาชน เรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่เมื่อผ่านสภาจะต้องมีคนยื่นให้ตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวภาคประชาชน ที่ต่อต้านเรื่องการนิรโทษกรรมแบบสุดซอย รวมไปถึงการยกระดับการชุมนุมของชาวสวนยางในภาคใต้ มาเป็นนการขับไล่รัฐบาลหลังจากที่รัฐบาลไม่เหลียวแลแก้ปัญหาโดยมองแค่บริบทเดียวว่า เป็นม็อบการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ดูดำดูดี ในทางตรงข้ามคิดแต่หาทางปราบปรามอยู่ตลอดเวลา
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนมีส่วนจาก "พวกจ้องล้ม"รัฐบาล ซึ่งในความหมายก็คือ หากรัฐบาลชั่ว คิดแต่สร้างหนี้ สร้างแต่ความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ทุจริตคดโกง เอาแต่พวกพ้อง มันก็ต้องหาทางล้มให้ได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 8 ตุลาคมหรอก อย่างไรก็ดี สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ถืว่าผวาจนเพี้ยน เพราะหลายเรื่องกำลังประดังเข้ามา ต้องลุ้นหนักทั้งสิ้น
**แม้ว่าเขาจะเคลียร์กับ "ไอ้ตู่" จนวางใจได้แล้ว แต่ด้านอื่นที่อยู่นอกสภา ที่อยู่เหนือการควบคุม มันวางใจไม่ได้ ต้องผวาอยู่ตลอดเวลา !!
อย่างไรก็ดี เมื่อจับเอาคำพูดบางตอนของเขาระหว่างให้สัมภาษณ์ทางออนไลน์ล่าสุด ก็พอเห็นสาเหตุได้ดีว่า "มีฝ่ายตรงข้าม เคยมีเรื่องกับผมไปพบ ผมก็ให้พบ" มันก็เหมือนกับการเปิดเผยออกมากันแล้วว่า เวลานี้ตัวเขากับผู้นำกองทัพเคลียร์กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้นำ คมช. ที่เคยกล่าวหาร้ายแรงกับ ทักษิณว่า โกง สร้างความแตกแยก ทำลายองค์กรอิสระ รวมไปถึงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เวลานี้ไม่สมควรไปพูดถึงเพราะ"ไร้คุณค่า" กับการเสียเวลาไปพูดถึง
**ปัจจุบันมีบทบาทไม่ต่างจาก "ขี้ข้า" ไปแล้ว
แต่ที่ต้องตั้งข้อสังเกตอีกครั้งกับคำพูดของ ทักษิณ ที่บอกว่า "มีฝ่ายตรงข้าม เคยมีเรื่องกับผมไปพบผม" นั้นมันน่าคิด เพราะถ้าบอกว่าในอดีตฝ่ายตรงข้ามย่อมต้องหมายรวมถึง "ตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก อย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้หากจำกันได้สักปีสองปีก่อนมักจะมีคนเสื้อแดงยกขบวนไปประท้วงที่หน้ากองทัพบกอยู่ประจำ ถึงขั้นเคยนำ "ผ้าถุง"ไปมอบให้ก็เคยมี แต่หลังจากมี "คลิปถั่งเช่าอุบาทว์" เปิดเผยออกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ก็ทำให้เปลี่ยนไป สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแบบกลับตาลปัตร เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้มีคนเสื้อแดงไป "มอบดอกไม้ให้พล.อ.ประยุทธ์" กันหน้าตาเฉย
ที่น่าสนใจก็คือ เนื้อหาในคลิปมีเสียงพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาว่า "ผมไว้ใจไอ้ตู่" มากที่สุด และตั้งแต่นั่นมาทุกอย่างก็ราบรื่น รวมไปถึงข่าวคราวที่ยืนยันว่าทั้งคู่ได้พบกันแล้วที่สหรัฐอเมริกา
แม้แต่การโยกย้ายนายทหารประจำปีล่าสุด นายทหารที่เคยนำกำลังเข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งเหตุการณ์เมื่อปี 52-53 อย่าง พล.ท.วลิต โรจนภักดี ที่ยังแป๊กอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพน้อยที่ 1 ไม่ขยับไปไหน รวมทั้งนายทหารคนอื่นที่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ดังกล่าว ว่ากันว่าเป็นเพราะ "คำขอ" มาจากข้างนอก จริงไม่จริงอาจจะไม่มีหลักฐานมาปรากฏ แต่เมื่อพิจารณาจากตำแหน่งที่แต่งตั้งโยกย้ายล่าสุด มันผิดสังเกต และมองได้อย่างนั้นจริงๆ
จะเป็นเพราะแนวรบด้านกองทัพเปลี่ยนแปลงไปแบบแบ่งปันผลประโยชน์และอำนาจได้อย่างลงตัว วินวิน หลังจาก "ไว้ใจไอ้ตู่ที่สุด" หรือเปล่า จึงได้วางใจ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังกินไม่ได้นอนไม่หลับก็คือ องค์กรนอกสภา ทั้งที่เป็นองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และองค์กรศาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และที่สำคัญก็คือศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีหลายเรื่องที่จ่อเข้าสู่การพิจารณาชี้ขาด ซึ่งเมื่อคำนวณตามตารางเวลาก็ถือว่ามาประจวบเหมาะกันพอดี พอดีกับ "ผลงานห่วยแตก" ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัวแทนของครอบครัวชินวัตร ที่กำลังผลิดอกออกผลออกมาให้ชาวบ้านได้เห็นมากขึ้นทุกวัน
ข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน มีหนี้สินเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ผลสำรวจชาวบ้านที่ออกมาทุกโพล ล้วนมีเสียงบ่นเรื่องดังกล่าวดังขึ้นทุกวัน สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวไม่เป็นท่า บรรยากาศแบบนี้แม้จะคุมสื่อหลักเอาไว้ในมือ แต่ก็เพียงแค่ยื้อเวลาไปได้ชั่วคราวเท่านั้น ย่อมหนีความจริงไปไม่พ้นหรอก และที่สำคัญพลังในการปกป้องรัฐบาลที่ล้มหลวมันก็ย่อมไม่มีพลังเหมือนก่อน
**หลายคนอาจจะเถียงว่า ยังมีคนเสื้อแดงจำนวนมากยังสนับสนุน แต่ถ้าพิจารณาจากความเป็นจริง ก็คงไม่เถียงว่ายังมีอยู่มาก แต่ความหมายก็คือ มันไม่เพิ่มขึ้น มีแต่ลดลงทุกวัน หรือวางเฉยมากขึ้น
หากพิจารณาจากข้อมูลที่อ้างจากปากของ ทักษิณ ชินวัตร ว่าพวกจ้องล้มรัฐบาลในวันที่ 8 ตุลาคม นั้น นาทีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณชัด แต่ถ้าให้เครดิต ทักษิณ ที่อาจรู้ข้อมูลภายในก็อาจเป็นไปได้ ถ้าดูตารางปฏิทินเพราะในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะพิจารณาตัดสินคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในกรณีที่ตัดสิทธิภาคประชาชน เรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่เมื่อผ่านสภาจะต้องมีคนยื่นให้ตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวภาคประชาชน ที่ต่อต้านเรื่องการนิรโทษกรรมแบบสุดซอย รวมไปถึงการยกระดับการชุมนุมของชาวสวนยางในภาคใต้ มาเป็นนการขับไล่รัฐบาลหลังจากที่รัฐบาลไม่เหลียวแลแก้ปัญหาโดยมองแค่บริบทเดียวว่า เป็นม็อบการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ดูดำดูดี ในทางตรงข้ามคิดแต่หาทางปราบปรามอยู่ตลอดเวลา
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนมีส่วนจาก "พวกจ้องล้ม"รัฐบาล ซึ่งในความหมายก็คือ หากรัฐบาลชั่ว คิดแต่สร้างหนี้ สร้างแต่ความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ทุจริตคดโกง เอาแต่พวกพ้อง มันก็ต้องหาทางล้มให้ได้อยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 8 ตุลาคมหรอก อย่างไรก็ดี สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ถืว่าผวาจนเพี้ยน เพราะหลายเรื่องกำลังประดังเข้ามา ต้องลุ้นหนักทั้งสิ้น
**แม้ว่าเขาจะเคลียร์กับ "ไอ้ตู่" จนวางใจได้แล้ว แต่ด้านอื่นที่อยู่นอกสภา ที่อยู่เหนือการควบคุม มันวางใจไม่ได้ ต้องผวาอยู่ตลอดเวลา !!