xs
xsm
sm
md
lg

“เติ้ง” หน้าเครียดชิ่งสื่อซัก - “ชวน” เมินปาหี่ มอบแฟ้ม ฝากแก้ยาง แนะรัฐใช้ 6 ธรรมาภิบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บรรหาร” เดินสายบุกประชาธิปัตย์อีกรอบ พบอดีตนายกฯ จ้อ 2 ชั่วโมงก่อนตีหน้าเครียด ไม่แจงสื่อ บอกเหมือน “อภิสิทธิ์” อ้างประสบความสำเร็จ รับโดนฝากเรื่องแก้ยาง ก่อนชิ่งนักข่าว ด้าน “ชวน” เผยไม่ร่วมวงปฏิรูป แต่ให้ข้อมูลแทน แนะผู้ปฏิบัติยึดหลักเคารพ 3 อำนาจ ไม่แทรกแซง ก่อนมอบ 6 ธรรมาภิบาล ลั่นพรรคไม่ใช่ตัวปัญหา หนุนเจรจาเกษตรกรต่อ อย่าเลือกปฏิบัติ พร้อมมอบเอกสาร 1 แฟ้ม ตำหนิ “จารุพงศ์” อย่าไม่ฉลาดโยนการเมืองชักใย



วันนี้ (19 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบรรหาร ศิลปอาชา ผู้ประสานงานสภาปฏิรูปของรัฐบาลพร้อมด้วยนายนิกร จำนง นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรคโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

นายบรรหารกล่าวภายหลังการพบกันด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์นักข่าวโดยอ้างว่า เหมือนกับที่มาพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ผู้สื่อข่าวแย้งว่าเป็นการพบคนละคนควรจะให้สัมภาษณ์ นายบรรหารจึงกล่าวว่า ขอพูดเพียงแค่สั้นๆ ว่าเป็นที่รับทราบกันอยู่แล้วว่าตนเชิญให้เข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมืองและรับฟังปัญหาต่างๆ ซึ่งก็ได้ข้อมูลหลายอย่างจากนายชวนมอบให้ จึงถือว่าการมาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ โดยนายชวนขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาล ซึ่งหากทำได้ก็หมดปัญหา

เมื่อถามว่า นายชวนให้คำชี้แนะแต่ไม่ร่วมใช่หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ไม่ตอบ แต่นายชวน ได้ฝากเรื่องปัญหายางพาราเอาไว้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลที่ได้จากนายชวน จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง นายบรรหารไม่ยอมตอบ ก่อนจะแหวกวงล้อมผู้สื่อข่าวออกไปทันที

ด้านนายชวนกล่าวว่า ตนได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสภาปฏิรูป และให้ข้อมูลว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร ซึ่งบางเรื่องนายบรรหารไม่มีข้อมูล โดยสรุปคือการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในอนาคตขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบันเป็นสำคัญโดยอยู่ที่ภาคปฏิบัติไม่ใช่ทฤษฎี เมื่อพูดถึงการเมืองผู้ปฏิบัติต้องยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย เคารพอำนาจซึ่งกันและกัน ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ต้องไม่แทรกแซงหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยรัฐบาลต้องเป็นหลัก ซึ่งตนได้มอบหลักธรรมาภิบาล 6 ข้อกับนายบรรหารว่า หากรัฐบาลปฏิบัติตามจะเป็นแบบอย่างที่ดี หากอนาคตจะทำดีได้ต้องปฏิบัติและทำดีในปัจจุบันก่อน เช่น การเคารพกฎหมายบ้านเมือง ใช้กฎหมายยุติธรรมอย่างเสมอกัน เพราะความแตกแยกสามัคคีส่วนหนึ่งมาจากการเลือกปฏิบัติ เช่น คนของตนเองไม่ทำอะไร แต่คนอื่นทำก็คอยหาเรื่อง เช่น ความแตกแยกของเกษตรกรสวนยางพาราและชาวนาที่ขัดแย้งกันก็เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น เพราะรัฐบาลเลือกปฏิบัตื รวมทั้งมีการพูดถึงว่าวันนี้ครบรอบ 7 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่าเงื่อนไข 4 ข้อที่ถูกอ้างในการทำรัฐประหารวันนี้ยังมีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการโกงกิน แทรกแซงองค์กรอิสระ ความแตกแยกสามัคคี หรือการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ส่วนหนึ่งมาจากคนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งต้องทบทวน หากรัฐบาลต้องการปฏิรูปการเมือง สังคมในอนาคต ต้องทบทวนตัวเองในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติ

นายชวนกล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลสามารถปฏิบัติเป็นตัวอย่างได้ ฝ่ายอื่นก็ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตัวปัญหาของบ้านเมือง เพราะเราไม่ใช่ฝ่ายปฏิบัติแล้ว และพวกตนมาจากระบอบประชาธิปไตยที่ไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียง ขณะที่บางพวกอ้างมาจากประชาธิปไตยแต่โกงเลือกตั้ง นอกจากนี้ ตนยังอัญเชิญพระราชดำรัสในหลวงปี 52-53 ที่รับสั่งติดกันถึงสองปีในวันที่ 5 ธันวาคม ว่าแต่ละคนต้องทบทวนบทบาทหน้าที่ของตนเองว่ามีหน้าที่ต้องทำอะไร และทำสิ่งนั้นให้สมบูรณ์ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งตนได้แนบไปด้วยเผื่อนายบรรหารจะนำทั้งหลักธรรมาภิบาล และพระราชดำรัสไปมอบแก่นายกรัฐมนตรี รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ด้วย

นายชวนกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการหารือเรื่องปัญหาการชุมนุมของชาวสวนยางพาราที่ ควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพราะรัฐบาลมอบให้พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลหมดแล้ว จึงขอกับนายบรรหาร ว่าอย่าตัดเยื่อใยกับพี่น้องชาวสวนยางพารา ต้องมีการเจรจาต่อไปอย่าปฏิเสธว่าให้เท่านี้แล้วไม่พูดอีกแล้ว ต้องให้เกียรติชวสวนยางพาราเหมือนกับเกษตรกรอาชีพอื่น เราอยากเห็นเกษตรกรทุกอาชีพพึ่งตนเองได้ โดยตนได้บอกกับนายบรรหารตรงๆ ว่า ท่าทีของรัฐมนตรีและนักวิชาการที่สื่อสารผ่านสาธารณะนั้นมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ตนจึงแนะนำว่าไม่สามารถนำเอาเกษตรกรชาวสวนยางพาราทุกภาคมาเปรียบเทียบกัน เพราะบางภาคคนทำสวนยางพาราต้องมีอาชีพหลักอย่างอื่นมาก่อนเมื่อมีฐานะดีก็ซื้อสวนยางพารา เมื่อราคาตกก็ไม่เดือดร้อน แม้แต่รองประธานสภาฯ ก็ยังมีสวนยางพาราเป็นร้อยๆ ไร่ ส่วนชาวสวนยางพาราภาคใต้ทำสวนยางพารามาเป็นร้อยๆ ปีั ที่ดินที่เคยมีแปลงใหญ่เช่น 50 ไร่ ก็แบ่งให้ลูกๆ ได้คนละไม่กี่ไร่ นี่คือสภาพความเป็นจริง โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราชก็ให้ข้อมูลว่าเกษตรกรภาคใต้ที่มีสวนยางพาราไม่เกิน 12 ไร่ ถึงกว่า 70 % แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรภาคใต้มีปัญหาความยากจนจริงๆ ซึ่งตนก็ได้ขอร้อง รมว.เกษตรฯ ไปแล้วว่าอย่าตัดเยื่อใยชาวสวนยางพารา แม้จะไม่สามารถช่วยได้มากนักก็ควรเจรจาเพื่อทำความเข้าใจ เพราะคนใต้เขามีจิตใจสูง มีความรอบรู้ เวลาอธิบายเขาพร้อมรับฟัง แต่ที่เขายังไม่เชื่อก็ต้องพูดกันต่อไป อย่าคิดว่าจะปราบปรามอย่างเดียว ซึ่งนายบรรหารก็รับปากที่จะนำเรื่องนี้ไปหารือในพรรคในฐานะที่มีรัฐมนตรีดูแลด้านนี้

ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า กรณีที่รัฐบาลบอกนำเงินให้เกษตรกร 3 บาทนั้น เป็นเงินเกษตรกรที่ไปหักมาให้ชาวสวนยางพารา ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน และรัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติโดยให้เหตุผลเรื่องข้าวกับยางพาราไม่เหมือนกันจนเกิดความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น จึงแนะนำว่ารัฐบาลต้องให้เกียรติประชาชนอย่าแบ่งแยก เลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ตนยังแนะนำว่ารัฐบาลชุดนี้ถูกมองว่าโคลนนิ่งมาจากรัฐบาลทักษิณ มีการเลือกปฏิบัติกับประชาชน เลือกพัฒนาแต่จังหวัดที่เลือกพรรคตัวเอง ต้องเลิกใช้วิธีการนี้

“ถ้ายังทำต่อไปจะเรียกร้องความสามัคคีให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อไปแกล้งเขา คนก็มีศักดิ์ศรีที่เขาไม่ยอมสยบให้กับความคิดที่ผิดๆ อย่าให้คนไทยอ่อนแอ อย่าให้อยู่ในสภาพที่ยอมสยบให้กับความชั่ว การที่เขาไม่ยอมสยบให้ในความคิดที่แบ่งแยกแกล้งเขา ประชาชนปฏิบัติถูกต้องแล้ว จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไป ผมย้ำกรณีภูเก็ตที่รัฐบาลประกาศไม่สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่ภูเก็ต ผมก็เอาตัวเลขรายได้ให้นายบรรหารดูว่า รายได้การท่องเที่ยวสูงสุดที่ กทม. 5 แสนล้านบาท รองลงมาคือ ภูเก็ต 1.5 แสนล้านต่อปี เชียงใหม่ประมาณ 5 หมื่นล้าน เห็นได้ชัดว่าเชียงใหม่ก็ต้องพัฒนา ซึ่งเราสนับสนุนอยู่แล้ว ไม่คิดกลั่นแกล้ง ดังนั้นรัฐบาลนี้ก็ต้องพัฒนาภูเก็ตเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ส่วนรวมของประเทศด้วย” นายชวนกล่าว

นายชวนกล่าวว่า นายบรรหารได้รับทราบข้อมูลที่ตนให้โดยบอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยทราบมาก่อนและพอใจในข้อมูลที่ตนมอบให้ ซึ่งตนบอกว่าตนเป็น ส.ส.ติดตามข้อมูลทุกเรื่อง ดังนั้นจึงมอบข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรกับนายบรรหารไป 1 แฟ้ม เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งการวางแผนปฏิรูปในอนาคตทุกอย่างอยู่ที่รัฐบาลที่ต้องปฏิบัติตามนั้นจริง ไม่ใช่พูดแล้วไม่ปฏิบัติ เช่น การปล่อยให้คนของตนเองไปแทรกแซงองค์กรต่าง ๆ ปล่อยให้มารังควานพรรคฝ่ายค้าน สิ่งเหล่านี้ควรเลิกทำได้แล้ว เช่น การพิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กลับมาวิจารณ์ว่า “ฝ่ายค้านเอาตีนราน้ำอย่างนี้จะเรียกหาความสามัคคีได้อย่างไร รัฐบาลไม่เป็นตัวอย่างในการให้เกิดความสามัคคีต้องเคารพหน้าที่ของแต่ละฝ่าย และย้ำให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสภาซึ่งนายบรรหารก็ยอมรับว่าเข้าใจ เพราะเมื่อมีการแปรญัตติต้องได้พูดเป็นไปตามข้อบังคับ แต่การขอลงมติปิดอภิปรายทำไม่ได้ หรือหากมีการประท้วงข้อบังคับจะให้ผู้ประท้วงได้ชี้แจง เมื่อคนแรกประท้วงไม่ได้พูด คนอื่นก็ลุกขึ้นประท้วง ซึ่งเกิดขึ้นในสภาปัจจุบัน

เมื่อถามว่านายบรรหารเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า นายบรรหารบอกว่าตนไม่เคยได้รับข้อมูลหลายเรื่องมาก่อนเลย และพอใจที่ตนมอบข้อมูลให้จึงให้ไปเป็นแฟ้มเลย

ถามต่อว่า หลักธรรมาภิบาลที่มอบให้จะถึงมือนายกฯ และนำไปปฏิบัติหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า หลักเหล่านี้ความจริงเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วจึงอยู่ที่ว่าจะนำไปปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งตนก็บอกว่่าอย่าผลักไสประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เช่น ชาวสวนยางพาราในภาคใต้อย่าผลักไสให้เกิดปัญหาเหมือนสามจังหวัดภาคใต้ต้องพูดดีๆ มีเหตุผล ที่ตนให้คำแนะนำเพราะเกิดในสวนยางพารารู้ดีว่า ประชาชนเดือดร้อนจริงๆ อย่าเปรียบฐานะชาวสวนยางพารากับชาวสวนยางพาราที่มีฐานะดี แม้ในภาคใต้จะมีบางกลุ่มที่มีสวนยางพาราเป็นร้อยไร่ แต่ก็เป็นส่วนน้อยและยังมีคนรับจ้างกรีดยางอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทัศนคติของรัฐบาลมองว่ามีการเมืองหนุนหลัง โดย รมว.มหาดไทยก็ยังย้ำเรื่องนี้ นายชวน กล่าวตำหนิวิธีคิดของรัฐบาลว่าหากไม่มีสติปัญญาในการแก้ปัญหาก็อย่าใช้พื้นความคิดที่ “ไม่ฉลาด” เอะอะก็โยนว่าการเมืองอยู่เบื้องหลังทั้งที่ไม่จริง เพราะถ้าการเมืองอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์จะไม่เป็นเช่นนี้ที่ไปคนละทิศละทาง โดยแต่ละกลุ่มคิดอย่างไรก็ไปอย่างนั้น ซึ่งพวกตนเห็นใจชาวบ้านเพราะข้อเรียกร้องได้ผลระดับหนึ่งจากที่ปฏิเสธไม่ให้เลย จากคำพูดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แทรกแซงราคายางพาราไม่ได้เพราะประเทศไทยปลูกยางพาราน้อย ถือเป็นข้อมูลที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง เพราะไทยเป็นผู้ผลิตยางอันดับ 1 ของโลก และในอนาคตมาเลเซียอาจแซงหน้า แต่วันนี้เรายังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ แสดงว่ารัฐบาลตั้งโจทย์ผิด ผลลัพธ์ก็ออกมาคลาดเคลื่อน รัฐบาลจึงควรทบทวนตัวเอง และไม่ต้องข้องใจสงสัยเพราะพรรคไม่เคยสนับสนุนให้ชาวบ้านทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้แต่การปิดรถไฟพวกตนก็ไปขอร้องให้เปิดเส้นทาง แต่ก็เข้าใจว่าเป็นข้อต่อรองของชาวบ้าน ใครจะกล่าวหาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญา ซึ่งตนได้ยินจากนายตำรวจในภาคใต้ว่า มีพวกสอพลอนายที่ไม่รู้จะพูดอะไรก็อ้างการเมืองทำ ล่าสุดก็บอกการเมืองท้องถิ่น ดังนั้นหากใครยุยงให้ทำผิดกฎหมายก็จัดการตามกฎหมายแต่ต้องเสมอภาคอย่าเลือกปฏิบัติ







กำลังโหลดความคิดเห็น