ปู ไม่อยู่ร่วมลงมติกม.นิรโทษฯสัญญาณ "สุดซอย"เพื่อแม้ว !!

ผ่าประเด็นร้อน

ตอนแรกหลายคนคงเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลคงจะใช้วิธีเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯฉบับที่เสนอโดย วรชัย เหมะ กับพวกและมีมติออกมาว่าจะนำขึ้นมาพิจารณากันในวันที่ 7-8 สิงหาคม ตอนนั้นเป็นการนำร่องตบตาซื้อเวลาไปก่อน แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานชี้ขาด เพราะนี่เป็นแค่การพิจารณาในวาระแรกเท่านั้น ยังมีเส้นทางข้างหน้าอีกยาวไกล ไหนจะต้องฝ่าด่านของวุฒิสภาในตอนท้ายอีก อย่างน้อยในเบื้องต้นก็สมควรสรุปบทเรียน มาแบบ "ตบตาให้เนียน"ที่สุด เพราะหลังจากที่เกิด "คลิปอุบาทว์"หลุดออกมาทำให้แผนยึดกองทัพถูกจับตามองจากทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่พวกคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ดังนั้นการ "ลดกระแส"ด้วยการหนุนร่างนิรโทษฯที่เปลือกนอกที่เข้าใจว่าหนุน"ล้างผิดเฉพาะระดับชาวบ้าน"ทุกฝ่ายก็ถือว่าโอเค แม้ว่าจะเขียนระบุไว้ว่า"ยกเว้นแกนนำหรือผู้สั่งการ"ก็ตามที ซึ่งการเขียนแบบนี้มันก็ซ่อนเงื่อนเอื้อต่อการ "ตีความ"

แม้ว่าแค่ตีความเอื้อไปในทางเป็นคุณกับ ทักษิณ ชินวัตร พ่วงด้วยแกนนำคนเสื้อแดงอยู่แล้ว เพราะแน่นอนคำว่าแกนนำหรือคนสั่งการนั้นมันเจาะจงลำบาก เพราะคงไม่มีใครยอมรับ ถึงตอนนั้นจะอ้างว่าชาวบ้านสมัครใจออกมาเองเพื่อมาทวงถามความยุติธรรม มาเรียกร้องประชาธิปไตย อะไรประมาณนั้น แต่แค่นี้สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ก็ยังไม่ชัวร์ ยังไม่เท่ จึงไม่ยอมสนับสนุน แต่หากจำกันได้เขาให้การสนับสนุนร่างปรองดองของ รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง โดยระบุเป็นร่างที่เดิน "สุดซอย" แบบลบล้างความผิดให้ทุกฝ่ายกันแบบตรงไปตรงมา ระบุกันแบบโต้งๆกันไปเลย ไม่ต่องไปสนใจอารมณ์ความรู้สึกของบรรดาญาติคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต ซึ่ง ทักษิณ เรียกร้องให้เสียสละเพื่อให้ เขา เอ้ย บ้านเมืองได้เดินไปข้งหน้า

แต่ก็อย่างว่าแหละดันมาเกิดเหตุคลิปอุบาทว์ถั่งเช่า"อะไรนั่นหลุดออกมาทำให้ความแตก ประกอบกับเวลานี้ผลงานของรัฐบาลน้องสาวตัวเอง ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วนออกมาห่วยแตก มีแต่สร้างความเดือดร้อนกับประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทำให้น่าจะต้องใช้วิธี"ซื้อเวลา"ออกไปก่อน และที่สำคัญการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯเข้ามาพิจารณา อย่างน้อยให้ผ่านสภาวาระแรกไปก่อน มันก็เหมือนกับการเดินหน้าได้เสียที แทนที่จะเป็นแค่วาระที่บรรจุค้างอยู่สภา และเมื่อผ่านวาระแรกต่อไปก็ถึงช่วงเวลาสำคัญนั่นคือการพิจารณาในวาระสองที่เป็นขั้นกรรมาธิการนี่แหละที่หวังว่าจะใช้เสียงข้างมากแปรญัตติตามต้องการได้ทุกเรื่องได้อยู่แล้ว และถึงตอนนี้แหละที่ให้จับตาว่าจะกลายเป็นร่าง "สุดซอย"ตามความต้องการของ ทักษิณ ชินวัตร หรือให้มีการตีความช่วยเหลือไปถึงเขาอย่างแน่นอน เพราะถ้ามองกันอย่างรู้ทันและรู้จัก"สันดาน"ของเขาแล้วก็ย่อมรู้รู้ดีว่า ทักษิณ ชินวัตรเป็นเจ้าของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น พรรคเพื่อไทย รัฐบาล รัฐมนตรีทุกคนเป็นของเขา ไม่เว้นแม้แต่นายกรัฐมนตรี ที่ต้องคัดเลือกเองกับมือว่าจะเลือกใครมาเป็น "หุ่นเชิด"ที่ไว้ใจได้ รวมไปถึงแกนนำคนเสื้อแดงทุกคนก็เป็นของเขา ดังนั้นในเมื่อเขาเป็นเจ้าของ ลงทุนให้ทุกอย่าง ผลประโยชน์ที่จะออกมา หรือหากมีการเก็บเกี่ยวมันก็ต้องเป็นของเขาก่อน จากนั้นค่อยแบ่งปันให้กับคนอื่นไล่เรียงไปตามลำดับความสำคัญ ตามลำดับ"ขี้ข้า"เท่านั้น

การนิรโทษฯเพื่อลบล้างวามผิดก็เช่นเดียวกัน คิดว่าคนอย่าง ทักษิณ จะฟัง นางพะเยาว์ อัคฮาดและญาติคนเสื้อแดงที่สูญเสียหรือ ที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้วว่าให้เสียสละ หรือก่อนหน้านั้นเมื่อคิดว่าจะปรองดองกับ "อำมาตย์"ได้แล้วก็ยังเคยไล่พวกเสื้อแดงว่า "อย่าตามมา"เพราะจะแยกขับรถขึ้นเขาไปตามลำพังแล้ว ความหมายก็คือ "ทางใครทางมัน" แต่เมื่อเดินต่อไปไม่ได้ก็ต้องหันกับมาที่เดิมอีก แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าคนอย่างทักษิณ คำนึงแต่เรื่องที่ตัวเองต้องได้ "กำไรสูงสุด" อย่างเดียวเท่านั้น

คราวนี้ก็เช่นเดียวกันเมื่อเห็นว่าเส้นทางข้างหน้าหากยังมาแบบเดิม โฉ่งฉ่างแบบเดิมหลังจากที่ "ความแตก"จากคลิปที่กลาโหม เมื่่อวันก่อนก็ต้อง"เดินอ้อมซอย"ไปก่อน แต่เป้าหมายข้างหน้าก็คือ "ไปให้สุดซอย"อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ

อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมั่นใจว่าเป้าหมายสูงสุดของร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯจะต้องช่วยเหลือ ทักษิณ เป็นเรื่องหลักในภายหน้าในชั้นกรรมาธิการแปรญัตติ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐาน เพราะเหตุการณ์ยังมาไม่ถึง แต่ก็มีสัญญาณที่ปรากฏออกมาให้เห็นชัดเจน เหมือนกับเป็นการ "ต่อจิ๊กซอร์"ที่เห็นเป็นภาพชัดเจนแล้ว นั่นคือจากกำหนดการการเดินทางไปราชการของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงเวลานั้นพอดี เพราะสภามีกำหนดพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวในวันที่ 7-8 สิงหาคม แต่ขณะเดียวกันนายกฯยิ่งลักษณ์ มีกำหนดการที่ออกมาแลวว่าเธอต้องเดินทางไปประชุมติดตามงานกันใน "ขบวนรถไฟ"ไปหัวหิน ประจวบฯพอดี นั่นหมายความว่าช่วงที่สภาลงมติรับร่างกฎหมายในวันที่ 8 สิงหาคม เธอก็ไม่อยู่ในสภา ไม่ได้อยู่ร่วมลงมติ ความหมายสำคัญที่ตามมาอีกก็คือหากต่อไปมีการแก้ไขถ้อยคำในขั้นแปรญัตติให้มีการล้างผิด ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นพี่ชาย เธอก็จะไม่อยู่ในข่าย "ผลประโยชน์ทับซ้อน"ทำผิดรัฐธรรมนูญที่มีข้อห้ามเรื่องนี้เอาไว้ไงละ

อ้างว่าเป็นเรื่องสภา เธอไม่ได้เกี่ยวข้อง มีแค่เสียงเดียว แถมไม่ได้ร่วมลงมติอีกต่างหาก อีกทั้งเชื่อว่าหากผ่านไปถึงการลงมติในวาระสาม เธอก็คงจะต้องมีเหตุที่ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ หรือต้องไปตรวจราชการในต่างจังหวัดที่ไหนสักแห่งอีก เชื่อเถอะ เพราะนี่คือแผนที่วางไว้เพื่อกันตัวออกมาไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย หากมีการยื่นตีความ

ดังนั้นถ้าให้พิจารณาจากอาการของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มันก็พอประเมินความหมายในวันหน้าว่าในที่สุดแล้วร่างพระราชบัญญัติรนิรโทษกรรม ที่ระบุว่าให้นิรโทษฯเฉพาะระดับชาวบ้านระดับล่างทุกฝ่ายนั้นเป็นแค่ตบตาซื้อเวลาให้ผ่านไปก่อน จากนั้นค่อยมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบ "สุดซอย"ตามความต้องการของ ทักษิณ ชินวัตร เพราะในเมื่อเขาลงทุนทุกอย่าง ก็ต้องคิดว่าต้องได้กำไรสูงสุดเท่านั้น ส่วนคนอื่นนั้นมาทีหลัง !!