ผ่าประเด็นร้อน
คำพูดใน “คลิปอุบาทว์” ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันก่อนได้ทำให้ชาวบ้านได้เห็นแผนการชั่วของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่คิดใช้ “ทางลัด” ในกองทัพให้ “ขุนทหาร” ไฟเขียวออกพระราชกำหนด “ล้างผิด” ให้กับตัวเองโดยแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ ทำให้หลายคนได้ตาสว่าง และคาดไม่ถึงว่ามันจะ “เลวได้ใจ” ถึงเพียงนี้
นึกไม่ถึงว่าวันๆ มันจะคิดแต่เรื่องตัวเอง คิดแต่เรื่องอำนาจ จะเข้ามาแทรกแซงเข้ามาฮุบกองทัพ ใช้ผู้นำกองทัพมาแสวงหาผลประโยชน์อย่างไร และลามปามไปถึงผลประโยชน์ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในที่นี้มีการพูดถึงผลประโยชน์ในทวายของพม่า
หรืออีกเรื่องหนึ่งที่เป็นหัวข้อสำคัญในการสนทนาก็คือ ทำอย่างไรให้อวัยวะเพศของตัวเองแข็งตัว จึงต้องใช้ตัวช่วยโดยใช้สมุนไพรอย่างเช่น “ถั่งเช่า” หรือยากระตุ้นไวอะกร้ามาช่วย ไม่ได้พูดถึงหรือกังวลกับความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั่วไป หรือแม้แต่ “คนเสื้อแดง” ที่เป็นคนยากคนจนทั้งที่คนพวกนี้เสียสละชีวิตและเลือดเนื้อ ต่อสู้ให้ “ครอบครัวชินวัตร” ได้เสวยอำนาจมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้
กลายเป็นว่าในที่สุดแล้วครอบครัวของทักษิณ ชินวัตร นี่แหละที่เอาเปรียบ หลอกลวงชาวบ้าน ไม่ใช่เผด็จการหรือว่าอำมาตย์ที่ไหนหรอก เพราะคำพูดในคลิปดังกล่าวนั้นมันเปิดโปงออกมาให้เห็นหมดแล้ว และอย่าได้แปลกใจที่บรรดา “ขี้ข้า” ทั้งหลายจะพยายามบอกว่าเป็นคลิปตัดต่อบ้าง ของปลอมบ้าง ก็แถไปเรื่อย คิดว่าคนอื่นเขาจะโง่เหมือนตัวเอง ที่ก้มหน้าก้มตาพูดไปเรื่อยเปื่อย
เพราะสิ่งที่ทักษิณและคนในรัฐบาลต้องพูด มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือ “เออกูพูด เสียงกูจริง แล้วมีอะไรมั้ย” เพราะมันเลี่ยงไม่ออก ปฏิเสธไม่ได้
อย่างไรก็ดี เมื่อคลิปเสียงอุบาทว์ดังกล่าวถูกเปิดเผยออกมา มันก็ทำให้ “ทางลับ” คิดจะผ่านทางกองทัพที่ ทักษิณ คิดจะใช้เป็นทางเดินกลับบ้านถูกปิดลง หรือถูกจับจ้องมองจากสังคมทันที ถึงไม่ถูกปิด แต่ก็อาจตีบตันลง หลายคนที่ถูกเอ่ยชื่อขึ้นมาเป็นตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงไม่กล้าทำอะไรโฉ่งฉ่าง อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงปลายปีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2557 หลังจากเกษียณอายุราชการไปแล้วว่าจะ “มีอนาคต” ตามที่พูดกันหรือไม่
นี่ยังไม่รวมถึงปัญหาทางกฎหมาย ที่วาดหวังว่าจะออกเป็นพระราชกำหนด แม้ว่าตามแผนจะให้บรรดา “ขุนทหาร” ไฟเขียว เป็นมติในสภากลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ แต่ถึงอย่างไร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะต้องเสนอเข้าไป หรือในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ต้องลงนามออกเป็นพระราชกำหนด แม้ว่าอาจจะมีลูกเล่น มอบหมายให้รองนายกฯ รักษาการนายกฯ ลงนามแทน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันคงดูทุเรศพิลึก แล้วยังไหนจะต้องถูกตั้งคำถามว่า “มีความเร่งด่วน” แบบคอขาดบาดตายขนาดไหน ถึงต้องออกเป็นพระราชกำหนด รวมทั้งเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ขัดรัฐธรรมนูญ ถูกยื่นตีความแน่นอน มีปัญหาสารพัด
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ ทั้ง ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ มีภูมิคุ้มกันจากประชาชนลดลง สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้เห็นความจริงว่าไม่เป็นไปตามที่โม้เอาไว้สักเรื่อง ถ้าหากใครจะเถียงแทนก็ลองหลับตาตั้งสติค่อยๆ คิดก็ได้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์มีผลงานอะไรเป็นที่น่าประทับใจบ้าง นอกเหนือจากคนในครอบครัวของพวกเขาเท่านั้นที่ได้ประโยชน์เต็มๆ ซึ่งหลักฐานจากคำพูดในคลิป ก็เป็นเครื่องยืนยันได้อีกทางหนึ่ง
ถามว่าเมื่อพิจารณาเรื่องผลงานด้านการแก้ปัญหาปากท้อง ข้าวของแพง เป็นอย่างไรบ้าง หากตอบตามความเป็นจริงก็ต้องบอกว่า สอบตก “ห่วยแตก” สิ้นดี “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” มันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผ่านมาแค่ 2 ปียังหายนะทำชาวบ้านเดือดร้อนได้ขนาดนี้ มีหนี้สินล้นพ้นตัวได้ขนาดนี้ ผ่านไปอีกสักปีสองปีจะขนาดไหน ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้รัฐบาลกำลัง “หูตาเหลือก” ระดมกึ๋นเท่าที่มีอยู่ โดยมีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กิตติรัตน์ ณ ระนอง นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล มาหากทางแก้ปัญหากันอย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป “ฉิบหาย” แน่ และที่สำคัญคนที่ฉิบหายด้วยก็คือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ เพราะเป็นตรรกะง่ายๆ ก็คือในเมื่อชาวบ้านเขาชักหน้าไม่ถึงหลัง มันก็ย่อมไม่มีกะจิตกะใจจะมาบ้าเห่อชื่นชมแห่แหน แม้ว-ยิ่งลักษณ์ อยู่ตลอดเวลานักหรอก
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยภายนอกก็เลวร้ายซ้ำเติมเข้ามาอีก นั่นคือกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ความหมายก็คือเมื่อยุโรปไม่ฟื้น อเมริกามีแต่ทรงกับทรุด และที่น่าตกใจก็คือ จีนเศรษฐกิจถดถอย ญีปุ่นก็กำลังลุ้นอยู่กับมาตรการ “อาเบะโนมิกส์” ของนายกฯ ชินโสะ อาเบะ ว่าจะเข็นขึ้นมาได้หรือเปล่า เมื่อประเทศใหญ่ๆ ดังกล่าวมีกำลังซื้อน้อยลง มันก็ย่อมส่งผลให้เราขายของได้น้อยลง ดังนั้นก็อย่าได้แปลกใจที่ยอดส่งออกของไทยไม่เข้าเป้า ส่วนการกระตุ้นภายในก็ไม่ได้ผลตามเป้าเช่นเดียวกัน นโยบายประชานิยมสารพัดที่ออกมาก็ไม่เป็นไปตามที่คาด ส่งผลกระทบตามมาแบบไม่คาดหมาย และที่น่าจับตาก็คือ รัฐบาลถังแตกเสียก่อน ไม่มีเงินเข้ามากระตุ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3-4 ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญออกมาสรุปตรงกันแล้วว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะลดลง จากเดิมที่คาดว่าจะโตกว่าร้อยละ 5 มาเหลือแค่ 3-4 เท่านั้น และเชื่อว่ามีแนวโน้มจะลดลงอีก หากเรายังส่งออกไม่ได้
ขณะเดียวกัน ที่น่าจับตาก็คือผลสำรวจที่ออกมาระยะหลัง จะออกมาในแบบที่ไม่ไว้วางใจเรื่องการทุจริตมากขึ้น มีการให้ความเห็นว่า โครงการรับจำนำข้าว มีการทุจริต ทำให้ความเชื่อมั่นรัฐบาลลดลง ทุกเรื่องมีแต่แต้มลบ ยิ่งนานยิ่งแย่ ไม่มีอนาคต นี่แหละถึงได้บอกว่า เมื่อทางลับถูกจับได้ ผลงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ห่วยแตก ไม่น่าประทับใจสักเรื่อง ยิ่งนานก็ยิ่งติดลบ มันก็ส่งผลให้ ทักษิณ กลับบ้านแบบเทวดา ไม่มีความผิด แทบเป็นไปไม่ได้เลย!!
