xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” จี้ ผบ.เหล่าทัพ ประกาศจุดยืนไม่เป็นเครื่องมือการเมืองให้รัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” เรียกร้อง ผบ.เหล่าทัพ ประกาศจุดยืนให้ชัด ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้รัฐบาล ขณะเดียวกันต้องไม่ให้ใช้สภากลาโหมเป็นช่องทางออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมช่วยคนผิด งง “ประยุทธ์” บอกให้ “นช.แม้ว” ไปเคลียร์กับศาล-หมายถึงอะไร ย้ำการกลับประเทศต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หวังบิ๊กเหล่าทัพทำหน้าที่ตาม รธน. ไม่หวั่นไหวกับตำแหน่งที่โยนมาล่อใจหลังเกษียณ เชื่อ “นายพลถั่งเช่า” บริหารกลาโหมยาก พร้อมจี้รัฐบาลทบทวนแนวทางใหม่ หากลดความรุนแรงพื้นที่ภาคใต้ไม่ได้ ชี้หาก “ปู” ยังลอยตัวดับไฟใต้ไม่ได้


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ของ ผบ.เหล่าทัพว่า กองทัพต้องปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ควรจะทำและต้องยืนยันหนักแน่นให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอธิปไตย การดูแลความปลอดภัยของประชาชนยังทำเต็มที่ จะไม่ยอมเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือจะยอมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองทางการเมือง เพราะในคลิปเสียงที่ออกมามีการพาดพิงถึงกองทัพในหลายเรื่อง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กินความแค่ไหน ที่ระบุว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย หากหมายถึงว่าเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องเป็นไปตามกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่อยากให้ยืนยันให้ชัดเจน แต่มีการไปใช้คำว่า “เคลียร์กับศาล” ก็เลยฟังดูแปลกๆ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร แต่ถ้าหมายถึงว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามศาลตนก็เห็นด้วย แต่ไปใช้คำว่า “เคลียร์กับศาล” ตนจึงไม่มั่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) นิรโทษกรรม มันก็เป็นกฎหมายเหมือนกันจะหมายความแบบนี้ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะเราพูดถึงการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ตามกฎหมาย ส่วนการจะออกกฎหมายก็ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่จะมาทำงานนี้ และเห็นว่า ผบ.เหล่าทัพควรจะพูดให้ชัด เพราะตนเชื่อว่าจะช่วยลดความตึงเครียดในสังคมได้มาก หากกองทัพจะยืนยันว่าไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล ส่วนการที่ ผบ.ทบ.บอกว่าจะต้องเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรตินายกฯที่เป็นผู้หญิงนั้นตนคิดว่าเป็นเรื่องของมารยาท แต่สิ่งที่จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชน คือ การแสดงจุดยืนของกองทัพว่าจะไม่เป็นเครื่องมือในทางการเมือง จะปฏิบัติหน้าที่บนจุดยืนที่เป็นภาระหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ส่วนตำแหน่งหลังเกษียณอายุราชการที่ถูกพูดถึงในคลิปมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของ ผบ.เหล่าทัพ ในขณะนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ควรจะมี ขอให้ทุกท่านทำหน้าที่ตรงไปตรงมาอย่างเข้มแข็ง ถ้าทำหน้าที่ตรงไปตรงมา เข้มแข็งผลตอบแทนจากสังคมจะยิ่งใหญ่กว่าตำแหน่งอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ทบ.ระบุว่าจะไม่มีการพูดคุยกับโจรคิดอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การคุยจะต้องมีกติกา ขอบเขตที่ชัดเจน และผู้นำเหล่าทัพไม่มีหน้าที่ไปต่อรองกับคนที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ตนเสนอมาตลอดว่ารัฐบาลควรทำหน้าที่ของตนเอง ดูแลปัญหาประชาชน ไม่ใช่ดูแลปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้ ปัญหาหลายเรื่องก็จะไม่มี แต่พอหยิบเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ยิ่งมีคลิปเสียงซึ่งน่าจะยืนยันได้ว่ามีความพยายามผลักดันในเรื่องเหล่านี้บ้านเมืองก็จะมีปัญหา โดยตนเห็นว่าควรจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับคลิปเสียงดังกล่าว หากบอกว่าไม่ใช่ก็จะได้รู้ว่าของจริงคืออะไร ประชาชนจะได้สบายใจ เนื่องจากเนื้อหาในคลิปกระทบกระเทือนหลายเรื่อง

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การที่นายพานทองแท้ ชินวัตร และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเป็นเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อ้างว่าเป็นการตัดต่อนั้นตนก็อยากรู้ว่าของจริงคืออะไร เพราะโดยเนื้อหาที่ออกมานั้นมีข้อเท็จจริงที่สอดรับกับเรื่องในอดีต ข้อถกเถียงในปัจจุบัน รวมถึงความหวาดระแวงต่อสิ่งที่จะเกิดในอนาคต ตนไม่เห็นว่าเป็นการตัดต่อ

ส่วนที่นายกฯ ระบุว่าจะให้โอกาส พล.อ.ยุทธศักดิ์ ทำงานนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงพยายามเลี่ยงปัญหาหรือพยายามคิดว่าไม่เป็นปัญหา แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความสนิทใจในการทำงานหลังจากมีคลิปเสียงออกมาคงเป็นปัญหา บุคคลที่เกี่ยวข้องคงไม่พูดตรงๆ เพราะก็ต้องมีวินัย แต่ฝ่ายการเมืองต้องพิจารณาตัวเองว่าจะทำให้เกิดความลำบากใจหรือไม่อย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าการอยู่ในตำแหน่ง รมช.กลาโหมของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ต่อไปจะมีข้อจำกัดมากในการบริหาร หลังจากมีคลิปเสียงออกมาและไม่สามารถทำความกระจ่างได้ว่าตัวเองพูดอะไร เพราะจะเกิดความหวาดระแวงตลอดว่ากำลังจะนำพาเหล่าทัพไปทำภารกิจอะไร มีข้อข้องใจว่าทัศนคติที่มีต่อกำลังพล ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างไร

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขา สมช.ระบุว่าจะมีการแถลงจากกลุ่มบีอาร์เอ็นที่มาเลเซียเกี่ยวกับการหยุดความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ช่วงรอมฎอนว่า ต้องดูว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นที่จังหวัดยะลาซึ่งมีทหารบาดเจ็บ 8 นาย มีคำอธิบายที่ชัดเจนหรือยัง เพราะ สมช.บอกว่าเป็นกลุ่มต้าน แต่ก็ต้องชัดเจนว่าการทำงานร่วมกันเพื่อให้ความรุนแรงลดลงจะเดินหน้าอย่างไร เพราะดูแล้วแม้แต่การแถลงก็มีปัญหาความสับสน มีการเลื่อนและสองฝ่ายก็ไม่ได้ยืนยันร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจะแถลงร่วมกันมาแล้วครั้งหนึ่งสุดท้ายไทยแถลงฝ่ายเดียวและล่าสุดก็จะแถลงโดยไม่มีฝ่ายไทย มาเลเซียกลายเป็นผู้มีบทบาทในการสร้างความมั่นคงภายในประเทศไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนขอรอฟังก่อนว่าจะมีการแถลงว่าอะไร ใครแถลง และแถลงในฐานะอะไร เพราะมาเลเซียเป็นแค่ผู้อำนวยความสะดวก ตนจึงอยากเห็นการแถลงร่วมกันมากกว่า แต่ที่สำคัญกว่าคือลดความรุนแรงในพื้นที่ได้หรือไม่ ถ้าได้ก็จะได้ช่วยให้กระบวนการพูดคุยมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ย้อนกลับมาจุดเดิม ที่ต้องถามว่ากำลังคุยกับใคร คุยแล้วสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ เพราะยังเกิดเหตุรุนแรงอยู่ ซึ่งตนอยากเห็นไทยและบีอาร์เอ็นแสดงจุดยืนร่วมกันมากกว่าว่าจะลดความรุนแรงอย่างไร เพราะหากการเจรจาไม่สอดรับกับเหตุการณ์ในพื้นที่ก็คงไม่มีประโยชน์

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การอ้างเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเกิดจากกลุ่มอื่นนั้นไม่ช่วยทำให้กระบวนการพูดคุยมีน้ำหนักหรือความน่าเชื่อถือในการแก้ปัญหา เพราะเราหวังว่าการลดความรุนแรงในช่วงรอมฎอนจะนำร่องเพื่อเสริมความเชื่อมั่น แต่ถ้าบอกว่าเกิดเหตุจากกลุ่มอื่นก็ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นอะไรทั้งสิ้นในการแก้ปัญหา เพราะหากยังเกิดเหตุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นตัวฟ้องว่าการพูดคุยไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องทบทวนแนวทางว่าทำไมการพูดคุยที่ผ่านมาจึงไม่สามารถลดความรุนแรงได้

นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความเป็นห่วงต่อทัศนคติของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าเหตุการณ์ขึ้นป้ายโจมตีประเทศไทยในพื้นที่ภาคใต้ และเหตุระเบิดที่ยะลาในช่วงรอมฎอนเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดในพื้นที่ เพราะหากใช้ทัศนคติเช่นนี้ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ และในขณะนี้นายกฯก็เปลี่ยนผู้รับผิดชอบบ่อยมาก ทำให้ไม่มีความต่อเนื่องที่จะเห็นภาพรวมในการแก้ปัญหาจึงต้องแก้ไขตรงนี้ก่อน เพราะทิศทางของรัฐบลไทยไม่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ เป็น รมว.กลาโหมแล้วควรดูงานด้านความมั่นคงอย่างจริงจังมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บทบาทที่สำคัญกว่าคือ การเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของ กอ.รมน.และศอ.บต. แต่ถ้านายกไม่ทำหน้าที่ในบทบาทเหล่านี้ตนก็มองไม่เห็นว่าระบบจะแก้ปัญหาให้ดีขึ้นได้อย่างไร จึงขอเรียกร้องว่าความสูญเสียหรือความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แต่สะเทือนเรื่องความเชื่อมั่น ความเชื่อถือทางเศรษฐกิจออกมานอกพื้นที่ด้วย แต่ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังวางบทบาทเหมือนเดิมแม้จะมานั่งในตำแหน่งรมว.กลาโหมตนก็ยังมองไม่เห็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร หากไม่ทำอย่างที่พูดคือบูรณาการในการแก้ปัญหาที่ตัวหัวหน้ารัฐบาล ใช้กลไก กอ.รมน.และศอ.บต.ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

ส่วนที่ พล.ท.ภราดรระบุว่ามีการปรับลดกำลังในพื้นที่ลงแล้วนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ากองทัพคิดอย่างไรในเรื่องนี้เพราะเป็นการแถลงจาก สมช. และการปรับกำลังที่จะเอาหน่วยอื่นไปทดแทนนั้นเป็นแผนระยะยาวไม่ควรเอามาปนกับเรื่องการเจรจา โดยในส่วนของกองทัพและกลไกต่างๆ มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง จะเอาเรื่องนี้มาอ้างว่าทำเพื่อสนับสนุนการคุยกับบีอาร์เอ็นแต่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงไม่ได้ ทั้งนี้เห็นว่าบทบาทของกองทัพก็ต้องยึดถือตามนโยบายของรัฐบาลแต่ภารกิจดูแลรักษาความมั่นคง ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาเป็นอันดับแรก


กำลังโหลดความคิดเห็น