ส.ว.สรรหา ชี้วิปรัฐบาลเดินหน้านิรโทษกรรมฉบับ “วรชัย” เหตุ “ทักษิณ” ต้องการผูกใจมวลชนแดง-แกนนำ หลังเสียความรู้สึกที่เกี้ยเซียะทหาร โดยเฉพาะ “คลิปนายพลถั่งเช่า” คงยุทธศาสตร์เดิมไม่แตกหัก หากสุดทางก็ยุบสภา แต่เชื่อผลเลือกตั้งไม่เป็นคุณกับทักษิณ เพราะมีพรรคจังหวัดตัวแปร อีกทั้งไม่จบง่ายๆ ต้องผ่านด่านอีกเยอะ
วันนี้ (24 ก.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “คำนูณ สิทธิสมาน” ระบุว่า มติวิปรัฐบาลออกมาแล้วว่าเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซึ่งการเลือกพิจารณาร่างนี้ก่อนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันพุธที่ 7 ส.ค. ที่บังเอิญตรงกับ “วันเสียงปืนแตก” จุดเริ่มต้นสงครามกลางเมืองยุคสงครามเย็นเมื่อ 48 ปีก่อน ก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องการผูกใจมวลชนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และแกนนำไว้ก่อน หลังพวกเขาเสียความรู้สึกไปมากตลอด 2 ปีมานี้เพราะพบเห็นว่ายุทธศาสตร์ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยกลับเป็นการประนีประนอมกับกลุ่มอำนาจเก่า ไม่แตะเจ้า เอาใจทหาร มุ่งนิรโทษแบบเหมาเข่ง รวมทหารและรัฐบาล ปชป. เพื่ออำพรางวาระซ่อนเร้นพ่วงตัวเองไปด้วยเป็นหลัก โดยฟางเส้นเกือบๆ จะสุดท้ายก็คือเนื้อหาที่หลุดจากคลิปนายพลถั่งเช่า
“ที่ตัดสินใจเลือกเช่นนี้ ไม่ใช่ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ แต่ยังคงยุทธศาสตร์เดิมไว้ คือยังไงๆ ก็ไม่เสี่ยงเข้าสู่สภาวะแตกหักตราบใดที่ตนยังคงได้เปรียบในสนามเลือกตั้งอยู่ สุดทางของยุทธศาสตร์เดิมนี้เมื่อไปไม่ได้จริงๆ ก็คือยุบสภา แต่หากยุบสภาโดยยังไม่ได้แก้ไขความคลางแคลงใจและการเสียความรู้สึกของมวลชน นปช. และแกนนำ ผลการเลือกตั้งทั่วไปหลังยุบสภาก็จะไม่เป็นคุณกับพรรคทักษิณ ชินวัตรเท่าที่ควร แม้มวลชนฯ จะไม่มีทางพลิกขั้วไปเลือกประชาธิปัตย์ แต่สถานการณ์จะทำให้เกิดพรรคขนาดกลางถึงเล็ก หรือพรรคจังหวัดมากขึ้น อาจเป็นทางเลือกใหม่ของมวลชนฯ ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีเงื่อนไขแปรมากขึ้น” นายคำนูณกล่าว
ส.ว.สรรหากล่าวต่อว่า ที่จริงการเลือกพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย ก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดว่าต้องเป็นไปตามต้นร่างฯ จริง เพราะจะเป็นเพียงแค่วาระ 1 ขั้นรับหลักการ ยังมีวาระ 2 และ 3 ในสภาผู้แทนราษฎร และอีก 3 วาระในวุฒิสภา รวมทั้งการยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก ไม่ได้จบง่ายๆ แค่วันที่ 7 ส.ค. นี้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะกู้ความรู้สึกของมวลชนและแกนนำ นปช. ขึ้นมาได้ก่อนในระดับพอสมควร
ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า สำหรับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ... เสนอโดย นายวรชัย เหมะ สมาชิสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย และส.ส.จากพรรคเพื่อไทย รวม 40 คน มีสาระสำคัญคือ การนิรโทษกรรมให้ผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกกลุ่ม ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ถึง 10 พ.ค. 2554 ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่ยกเว้นแกนนำและผู้สั่งการ และไม่ตัดสิทธิ์บุคคลเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่ง ซึ่งได้บรรจุในระเบียบวาระของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปีที่ 2 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) ครั้งที่ 23 เมื่อวันพุธที่ 20 มี.ค. 2556 แต่ยังไม่ได้นำมาพิจารณา
กระทั่งเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2556 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญนิติบัญญัติ นัดสุดท้าย นายวรชัยได้เสนอเลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากเห็นด้วยให้เลื่อน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระแรก 283 เสียง ไม่เห็นด้วย 56 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ซึ่งในช่วงที่นายวรชัยเสนอญัตติอ้างว่าสังคมไทยเกิดความแตกแยก ต้องการนับหนึ่งประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า แต่ ส.ส.ฝ่ายค้านมองว่าเป็นการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 122 หากพรรคเพื่อไทยจะเร่งผลักดันกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกและธุรกิจของตนเอง และปัญหาการปรองดองสามารถแก้ไขได้โดยการให้นายกรัฐมนตรีบอกให้คนบางกลุ่มหยุดความเคลื่อนไหว นอกจากนี้ยังพบว่ามีความพยายามของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในการปิดการอภิปรายเพื่อเร่งลงมติอีกด้วย
อ่านประกอบ :
• ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... (นายวรชัย เหมะ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) จากเว็บไซต์รัฐสภา
• เสร็จจนได้ 283 ต่อ 56 เลื่อน “นิรโทษแดง” เรื่องเร่งด่วน “เต้น” แสร้งไม่ขอรับอานิสงส์