xs
xsm
sm
md
lg

องค์กรต้านโกงลั่นค้านนิรโทษฯ ถึงที่สุด “คำนูณ” เตือนซ้ำเติมภาวะ ศก.ถดถอย เสี่ยงสังคมล่มสลาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มานะ มิตรมงคล
ผจก.องค์กรต้านคอร์รัปชั่น ลั่นค้าน พ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับยกเข่งอย่างถึงที่สุด เหตุล้างคดีโกงฉุดความน่าเชื่อถือประเทศ ต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุน เผยเตรียมรณรงค์ครั้งใหญ่ให้ข้อมูลแก่ประชาชนถ้ารัฐบาลยังเดินหน้า “คำนูณ” เตือน พ.ย. มีอีกหลายเหตุการณ์ร้ายรออยู่ แล้วยังเอาเรื่องนิรโทษฯ มาซ้ำเติมประเทศที่กำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ระวังสังคมล่มสลาย


วันนี้ (28 ต.ค.) นายมานะ มิตรมงคล ผู้จัดการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) และนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี

โดย นายมานะ กล่าวว่า ทันทีที่ทราบถึงการแก้มาตรา 3 ใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รู้สึกตกใจมาก เพราะครอบคลุมไปถึงคดีคอร์รัปชันทั้งที่พิพากษาไปแล้ว และที่กำลังพิจารณา ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ลงนามให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาขององค์การสหประชาชาติเพื่อการต่อต้านการทุจริต แต่กลับไม่ปฏิบัติตาม จะทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศถอยหลังไปเรื่อยๆ ต่างชาติก็ไม่กล้าเข้ามาลงทุน เป็นการเสียโอกาสการลงทุนจากต่างชาติ ถ้าสมรรถภาพการแข่งขันของไทยเสียไป จะเป็นตัวฉุดรั้งของอาเซียน ฉะนั้นการออก พ.ร.บ.ล้างคดีโกงมีผลมากทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ

มีหลายคนสงสัยว่านักธุรกิจทำไมถึงกล้าออกมาขัดแย้งกับรัฐบาล อยากจะบอกว่าเราไม่ได้คัดค้านผลทางการเมือง แต่เราทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และตนหวังว่าผู้มีวุฒิภาวะในรัฐบาลน่าจะทราบดีว่าเราทำเพื่ออะไร

นายมานะ กล่าวต่อว่า ถ้ารัฐบาลยังเดินเรื่องนี้ต่อ สิ่งที่องค์กรตั้งใจจะทำต่อไป คือ จะรณรงค์ให้ข้อมูลครั้งใหญ่แก่ประชาชนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร โดยจะจัดข้อมูลให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า ผลของมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และรวบรวมความเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกจังหวัด แม้เราไม่มีงบมากมาย แต่จะอาศัยความร่วมมือของเอกชน และประชาชนมาช่วยกัน ทำอย่างไรให้ข้อมูลกระจายสู่ประชาชนให้มากที่สุด และรวบรวมความเห็นกลับมา จากนั้นจะเผยแพร่กลับไปอีกรอบว่าประชาชนคิดอย่างนี้ แล้วนักการเมืองคิดอย่างไร เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วประชาชนจะทำอะไรต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นจะพยายามอย่างเต็มที่ ไม่ถอย ไม่เลิก เพราะถ้าปล่อยให้การคอร์รัปชันแล้วเจ๊าลืมๆ กันไป ถ้าทำได้ ก็ไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องการต่อสู้คอร์รัปชัน แล้วเด็กจะฝังใจว่าสู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เราจะทำเต็มที่ ให้ข้อมูล รับความเห็นประชาชนทุกภาคส่วน และประมวลแนวทางออกมา จะไม่ยอมแพ้กฎหมายล้างโกงแน่นอน

ด้าน นายคำนูณ กล่าวว่า การแก้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในชั้นกรรมาธิการมันไปไกลมาก คือ 1.นิรโทษฯ คดีคอร์รัปชันทั้งปวงที่ดำเนินการระหว่างวันที่ 1 ม.ค.2547 ถึง 8 ส.ค.2556 รวมทั้งสิ้น 9 ปี และ 2.นิรโทษฯ คดีทุจริตการเลือกตั้งทั้งปวงระหว่างวันที่ 1 ม.ค.2547 ถึง 8 ส.ค.2556 เช่นกัน ถ้าถูกลงโทษไปแล้วเสมือนไม่ถูกลงโทษ ที่อยู่ระว่างการสอบสวนก็พ้นจากความรับผิดชอบทั้งปวง อันนี้เป็นการนิรโทษฯ ความผิด ไม่ใช่นิรโทษฯ กระบวนการสืบสวนสอบสวนและลงโทษ ฉะนั้นไม่ใช่การล้างผลของการรัฐประหาร ถ้าจะล้างผลรัฐประหารตามที่นิติราษฎร์เคยเสนอให้คดีความยังคงอยู่แต่กลับไปดำเนินการตามกระบวนการปกติ อันนั้นยังพอฟังได้ ที่สำคัญไม่เพียงแต่ล้างคดีที่ดำเนินการโดย คตส. แต่ยังรวมไปถึง ป.ป.ช. และ กกต. ด้วย ทั้งๆ ที่กฎหมายนิรโทษกรรมนี้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นไม่น่ามาเกี่ยวข้องเลย เพราะเดิมทีร่างของนายวรชัย เหมะ ไม่ได้ไปไกลขนาดนี้ แต่พอแปรญัตติชั้นกรรมาธิการ จากนิรโทษผู้ชุมุนุม กลายไปเป็นล้างผลรัฐประหาร และที่น่าตกใจไปไกลกว่าล้างผลรัฐประหารเสียอีก เพราะขยายช่วงเวลาทั้งข้างหน้า และหลังไปมาก ข้างหน้าคือ ขยายไปถึง 1 ม.ค.2547 ข้างหลังคือ ขยายไปถึง 8 ส.ค.56 โดยอ้างว่าที่ขยายถึง 8 ส.ค.2556 เนื่องจากเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการวาระ 1 ของกฎหมายฉบับนี้ ส่วนที่ต้องขยายขึ้นไป 1 ม.ค.2547 อ้างกันว่าเพื่อรวมกรณีที่นายสนธิเคลื่อนไหวต่อต้านนายทักษิณ ทั้งที่เมื่อปี 2547 นายสนธิ ยังจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ทางช่อง 9 ดีๆ อยู่เลย ที่จริงคือ ต้องการล้างผลการทำงานของ ป.ป.ช.และ กกต.ทั้งหมด

นายคำนูณ ยังกล่าวด้วยว่า ภาวะสังคมตอนนี้เสี่ยงต่อการล่มสลายสูง เนื่องจากเศรษฐกิจของเรากำลังเข้าสู่สภาวะถดถอย จากรายงานการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย มีการปรับลดจีดีพี กำลังซื้อไม่มี การส่งออกไม่ดี วิกฤตเศรษฐกิจโลกอีก เรากำลังเอา พ.ย.ทั้งเดือนมาซ้ำเติมจุดเริ่มต้นเศรษฐกิจถดถอย และไม่รู้จะยืดเยื้อไปถึง ธ.ค.หรือไม่ พ.ย.เรายังมีเหตุการณ์ร้ายๆ ทั้งนั้นรออยู่ เดี๋ยวนี้รัฐบาลต่างชาติ หรือกลุ่มทุนต่างชาติต่างๆ เขารู้สถานการณ์ดี แล้วแบบนี้ใครจะมาลงทุนในประเทศไทย แล้วถ้าคราวนี้เศรษฐกิจล่มจะไม่เหมือนปี 40 เพราะตอนนั้นเกิดจากภาคเอกชนแต่ภาครัฐยังแข็งแรง แต่ครั้งนี้เกิดจากภาครัฐโดยตรง


คำนูณ สิทธิสมาน
กำลังโหลดความคิดเห็น