“คมสัน” ชำแหละร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทะลุซอย แค่ช่วย “ทักษิณ” ไม่พอ ยังลากยาวไปถึงคดีในอนาคต ระบุจำนำข้าว-กู้ 2 ล้านล้าน คนทำผิดรอดหมด ด้าน “ส.ว.ไพบูลย์” มั่นใจกฎหมายนี้ไม่มีทางได้ใช้ แถมเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ เชื่อถึงเวลาเหมาะสมประชาชนที่ยังเฉยพร้อมออกมาสู้
วันนี้ (24 ต.ค.) นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายคมสันกล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่าตนไม่เรียกว่าสุดซอย แต่มันคือทะลุซอย เพราะไปไกลยิ่งกว่าร่างที่ ร.ต.อ.เฉลิมเสนอไปมาก และแหกกรอบจากวาระ 1 ไปไกลกว่าร่างเดิม คือตามธรรมเนียมไม่ควรไปไกลกว่ากรอบของวาระ 1 อันนี้ไม่เพียงแต่ให้ทักษิณได้เงินคืน ล้มคดี คตส.ทั้งหมด ยังล้มคดีของ ป.ป.ช.ทุกคดีด้วย และยังขยายช่วงเวลาการนิรโทษมาจนถึง 8 ส.ค. 56 นั่นหมายความว่าจะนิรโทษกรรมไปยังคดีที่ ป.ป.ช.ยังไม่สอบสวนด้วย รัฐบาลนี้ก็จะพ้นผิดในหลายๆ กรณี ทั้งจำนำข้าว เงินกู้ 3.5 แสนล้าน เงินกู้ 2 ล้านล้าน โครงการรับจำนำข้าว รวมถึงการที่ ส.ส.แก้ไขกฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ คดีพวกนี้จะรอดหมด แล้วยังขยายไล่ขึ้นไปถึงปี 47 คดีของทักษิณจะถูกล้างทั้งหมด รวมถึงนายนพดล ปัทมะ กรณีประสาทพระวิหาร ก็จะพ้นผิดไปด้วย และที่คนเสื้อแดงบางกลุ่มไม่พอใจก็เพราะติดตรงวรรค 2 เพราะระบุว่าไม่รวมความผิดมาตรา 112 ซึ่งคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ทำผิดกฎหมายมาตรานี้ ถึงออกมาเย้วๆ เพราะตัวเองไม่โดนพ่วงไปด้วย
ท้ายที่สุดแล้วตนเชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ ถ้าถูกใช้ก็จะถูกล้มในอนาคต คนยอมไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเล่นนิรโทษกรรมไปถึงอนาคต ซึ่งไม่เกี่ยวกับรัฐประหารเลย คนไทยคงยอมไม่ได้
นายไพบูลย์กล่าวว่า ที่ต้องนิรโทษกรรมมาจนถึง 8 ส.ค. 56 เพราะ พ.ย.นี้ ป.ป.ช.ก็จะชี้มูลความผิดเรื่องจำนำข้าวแล้ว ซึ่งยิ่งลักษณ์อาจต้องโดนด้วย และต้องระวังพิจารณาในวาระ 2 อาจขยายเวลานิรโทษกรรมไปมากขึ้นกว่านี้อีก อันนี้ถือว่าทักษิณเปิดออกมาเต็มที่ และคงมีแผน 2-3 รอไว้แล้ว แต่ต้องจับตามองเพราะ พ.ร.บ.นี้ทำให้เห็นตัวตนทักษิณชัดเจน ที่ต้องการโกงแบบไม่ผิด
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ตอนนี้เสียงคนที่เป็นกลางๆ ซึ่งเป็นตัวตัดสิน เคลื่อนมาทางไม่เห็นด้วยกับทักษิณมากขึ้น พวกเป็นกลางบอบช้ำจากหลายๆ เรื่อง และเชื่อว่าพวกวางตัวเฉยเหล่านี้ที่จะหยุดยั้งทักษิณได้อย่างมีนัยพอควร ตนไม่อยากให้แค่ชะลอกฎหมายต่างๆ มันหยุดไม่อยู่แล้ว ถอยเดี๋ยวก็มาใหม่ มีทางเดียวคือต้องค้านอย่างเต็มที่ และอย่างสมบูรณ์แบบ ค้านในสภาไม่ได้ผลแล้ว เหลืออย่างเดียวคืออุรุพงษ์โมเดล ตนไม่ได้หมายถึงการชุมนุมอย่างเดียว แต่หมายถึงจิตใจคนที่ไม่พอใจอย่างแท้จริง และอุดมการณ์เต็มที่ ตนเชื่อว่าคนมีความคิดแบบผู้ชุมนุมที่อุรุพงษ์มีอยู่มากโดยเฉพาะในกรุงเทพฯแต่ขอให้ถึงเวลาจริงๆ จะออกมา
นิรโทษกรรมเที่ยวนี้ทำลายองค์กรตรวจสอบ ออกกฎหมายให้ไม่สามารถเอาผิดทางคอร์รัปชั่นได้ แล้วประเทศไทยจะเหลืออะไร เรื่องนี้ถ้าสังคมทราบรื่อยๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าคนที่อยู่บ้านจะทนไม่ได้ การชุมนุมจะให้ออกมาเป็นแสนทันทีไม่ได้ มันต้องมีเหตุ แล้วพร้อมปะทุอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่สำคัญว่าชุมนุมกันกี่คน แต่คนไทยเตรียมพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนประเทศไทย แล้วตนก็มั่นใจว่าร่างนี้ไม่มีทางได้ใช้ แต่จะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย
