เกาะกระแส
00 ก่อนอื่นถ้าพิจารณากันอย่างเข้าใจในมุมแบบทะลุเข้าไปถึง "สันดานความเห็นแก่ตัวแบบสุดๆ" ของ ทักษิณ ชินวัตร มันก็ต้องเป็นแบบนี้วันยังค่ำ นั่นคือต้องเอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นศูนย์กลาง ไม่มีหรอกอย่างเรื่องอุดมการณ์ประชาธิปไตย ตามที่คนโง่ๆ ตกยุค อย่างที่ "เสกสรรค์ ประเสริฐกุล" เข้าใจหรอก เพราะหากย้อนอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ก็ย่อมเข้าใจไม่ยาก ว่าคนอย่าง ทักษิณ นั้นทำทุกอย่างเพื่อหวังผลกำไรสูงสุด และสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ตลอดเวลา จากเดิมที่ต้องจ่ายให้นักการเมืองและข้าราชการ ก็กลายมาเป็น "คิดใหม่ทำใหม่" ลงสนามการเมือง กวาดต้อนนักการเมืองข้าราชการเหล่านั้นเข้ามาเป็นบริษัทพรรคการเมือง ซื้อเสียง ซื้อคนไทยจนชนะเลือกตั้งได้อำนาจในมือ
00 อย่างไรก็ดี การบริหารบ้านเมือง มันไม่เหมือนกับการบริหารบริษัทจำกัด เพราะยังมีคนที่มีคนเห็นต่างเล็ดลอดออกมาได้ ประกอบกับตัวเองมีแต่ความเห็นแก่ตัว เป็นนักเสี่ยงจนร่ำรวย แต่ไม่ใช่นักบริหารที่มีความสามารถเอกอุ ทุกอย่างมีแต่การสร้างภาพตบตา ซึ่งจะหลอกต้ม หรือเติบโตได้ก็ต่อเมื่อ "แอบอยู่ข้างหลัง" คนอื่น แต่พอเปิดโอกาสให้แสดงฝีมือเต็มที่ แล้วเป็นไง รัฐบาล"หุ่นเชิด" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านมาสองปี "ล้มเหลวห่วยแตก"ไม่เป็นท่า ทำเอาเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เศรษฐกิจฝืดเคือง ชาวบ้านมีหนี้สินรุงรัง และน่าจับตาก็คือ การคาดการณ์ตัวเลขอัตราการเติบโตของจีดีพีไทยปีนี้จาก "แบงก์ชาติ" ที่ว่าจะโตเพียงร้อยละ 3.7 เท่านั้น ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะโต 4.2 ซึ่งก็ลดมาจากเดิมที่โม้เอาไว้ข้ามปีว่าจะต้องโตร้อยละ 7 แล้วก็ถอยร่นลงมาเหลือร้อยละ 5 จนเหลืออย่างที่เห็นนั่นแหละ ความหมายก็คือถ้าโตแค่ร้อยละ 3 มันจะมีผลกระทบต่อการจ้างงาน ซึ่งบรรดา"กูรู" ทางเศรษฐกิจทั้งหลายมองว่า จะส่งผลให้ "บัณฑิตจบใหม่ต้องเตะฝุ่น" กันกระจายแน่
00 ขณะที่ราคาสินค้าการเกษตรหลักๆ ที่ถือเป็นรายได้ของเกษตรกรส่วนใหญ่ กลับลดลง จนขาดทุน รายได้หดหาย และอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ได้เห็นสารพัดม็อบเกิดขึ้นรายวัน ในขณะที่รัฐบาลก็ต้องหารายได้ชดเชยซึ่งก็ไม่มีอะไรง่ายและเร็วไปกว่าการ "รีดภาษี" โดยเฉพาะการรีดภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จ้องจะขึ้นให้ "สุดซอย" จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 แต่ที่แน่ๆ ก็คือ "ร้อยละ 8" มันเอาแน่ เพียงแต่จ้องรอจังหวะอยู่เท่านั้นเอง ซึ่งก็แบไต๋ออกมาแล้วจาก ว่าที่ปลัดคลังคนใหม่ รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ที่ "รับงาน" มาผลักดันเรื่องแบบนี้โดยตรง และเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันแทน "เสี่ยโต้ง" รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ไม่ยอมรับความจริงว่า รัฐกำลัง "ถังแตก" ทั้งที่ความจริงมันฟ้องทนโท่ เพราะมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้ แค่โครงการรับจำนำข้าวโครงการเดียวก็เจ๊งหูรูดแล้ว
00 ด้วยเหตุผลจากความห่วยแตกดังกล่าวนี่แหละ ที่ทำให้คนเห็นแก่ตัวแบบทักษิณ "ต้องรีบ" จะปล่อยให้เนิ่นช้าต่อไปไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ต้อง "สั่งดัน" เข้ามาพร้อมกัน ทั้งแก้รธน. เพิ่มอำนาจเปิดช่องให้เป็น "สภาขี้ข้า" อย่างเบ็ดเสร็จ รวมทั้งที่กำลังเป็นเงื่อนไข "เรียกแขก" อยู่เวลานี้ก็คือ "ร่างกม.นิรโทษฯ" ล้างผิด-คืนเงินให้ตัวเอง ต้องรีบดันให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ยิ่งช้าก็ยิ่งเสี่ยง นี่ยังไม่นับกรณีศาลโลกตีความเรื่องพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีแนวโน้มว่าไทยอาจต้อง "เสียดินแดนเพิ่ม" แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้อารมณ์คนไทยขาดผึงได้ทันทีเหมือนกัน และยิ่งเห็นท่าทีรัฐบาลและกองทัพไทย ที่เอาอกเอาใจเขมรจนน่าเกลียด "กลัวว่าฝ่ายโน้นจะเข้าใจผิด" ทำราวกับว่า เขมรฮุนเซน มันเป็น "บิดา" หรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่ากลัวเขา "ไม่เป็นดอง" หรือยังไง ขนาดต้องส่ง รมว.ต่างประเทศ ฝ่ายกิจการรับใช้แม้ว-ฮุนเซน รีบแจ้นไปเคลียร์กลัวเขาจะเข้าในผิด ขณะที่ "ผบ.ผัดกระเพรา" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องติดตั้งลำโพงตลอดแนวชายแดน คอยละล่ำละลัก ชี้แจงให้ทันท่วงที กลัวว่ามันจะยิงเข้ามา นี่คือศักดิ์ศรีทหารไทย ทุด !!