xs
xsm
sm
md
lg

“คำนูณ” ติง “ปึ้ง” วางตัวให้งาม อย่าเพิ่งลั่นรับคำพิพากษา ปชป.จวกจ้อเหมือนยอมแพ้เขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา (แฟ้มภาพ)
“ส.ว.คำนูณ” ค้านท่าที รมว.ต่างประเทศ หลังคิดยกหูคุยรองนายกฯ เขมร ยันไทยมีเวทีเจรจาร่วมพอแล้ว เตือนควรวางตัวให้งาม ย้ำอย่าเพิ่งประกาศทำตามคำพิพากษาศาลโลก แนะตั้ง กก.ศึกษาฝ่ายเดียว หนุนให้ข้อมูลอย่างรอบด้านโดยให้ทุกฝ่ายเสนอความเห็นผ่านสื่อรัฐ พร้อมจัดประชามติ ด้านโฆษก ปชป.สับรีบพูดเหมือนยอมแพ้ ชี้มัดตัวเองส่งมอบเพื่อนบ้าน เหมือนเตี๊ยมกันแล้ว

วันนี้ (22 ต.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้หารือถึงปัญหาไทย-กัมพูชากับคำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับท่าทีของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา และการดำริว่าจะโทรไปหารืออย่างไม่เป็นทางการกับนายฮอ นัม ฮง รองนายกฯกัมพูชา เนื่องจากกลไกไทย-กัมพูชามีเวทีร่วมถึง 2 เวทีอยู่แล้ว คือ คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) กับคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้น การตั้งคณะกรรมการเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ควรทำ เพราะจุดยืนในคำพิพากษาของไทย-กัมพูชาอาจจะต่างกัน ถึงแม้จะต้องการสันติภาพเหมือนกัน การประกาศจะโทรศัพท์ไปหานายฮอร์ นัมฮง ก็เช่นกัน แม้จะมีความสนิทสนมหรือมีความรู้สึกส่วนตัวอย่างไรก็ตาม การเป็น รมว.ต่างประเทศควรวางตัวให้งดงามกว่านี้

นายคำนูณกล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลหรือนายสุรพงษ์ควรจะทำ คือ 1. อย่าด่วนประกาศว่าไทยจะปฏิบัติตามคำพิพากษา 2. ตั้งคณะกรรมการไทยฝ่ายเดียวเตรียมการศึกษาคำพิพากษา โดยมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน 3. ให้ข้อมูลต่อประชาชนอย่างรอบด้านถึงผลดีและผลเสียของการปฏิบัติตาม และไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เสนอแนวความคิดผ่านสื่อของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และ 4. จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 (1) อย่างไรก็ตาม คำพิพากษามี 4 ทิศทางแม้ว่าทิศทางที่เลวร้ายที่สุดสำหรับประเทศไทย คือพิพากษาให้อาณาบริเวณของปราสาทพระวิหารเป็นไปตามเส้นแผนที่อัตตรา 1 ต่อ 200,000 โดยถึงแม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยที่สุด แต่ไม่ใช่จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น รมว.ต่างประเทศจะทำอะไรพึงระลึกถึงข้อนี้ด้วย

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรรียมความพร้อมของประเทศไทยเพื่อรองรับคำตัดสินของศาลโลกเกี่ยวกับข้อพิพาทในคดีปราสาทเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ตนไม่สบายใจกับคำพูดของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่พูดเสมือนยอมแพ้และจะรีบประสานกับนายฮอร์ นัมฮง ว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรจะหากลไกไปรองรับคำพิพากษา ทั้งๆ ที่สิ่งที่ต้องทำ คือ การเตรียมตัวรับสถานการณ์ การรักษาพื้นที่ตามแนวชายแดน วิเคราะห์คำพิพากษาในแต่ละรูปแบบว่าจะรับมืออย่างไร แต่ รมว.ต่างประเทศมัดมือมัดเท้าประเทศไทยเป็นตัวประกันเตรียมส่งมอบให้กัมพูชาว่าพร้อมปฏิบัติตามคำพิพากษา ถือเป็นการมัดตัวเองที่ทำให้กัมพูชาได้เปรียบ แต่ไทยไม่ได้อะไรเพิ่มเติม เพียงแต่รักษาสิ่งที่มีไว้ไม่ให้เสียมากไปกว่าเดิม ส่วนกัมพูชาจะอยู่ในสภาพไม่เจ๊าก็เจี๊ยะ ไทยจึงกลายเป็นผู้เสียเปรียบ ดังนั้น รมว.ต่างประเทศไม่ควรไปตั้งเงื่อนไขว่าประเทศไทยต้องยินยอมตามคำพิพากษาศาลโลก

“อยากถามว่าลดความยืดหยุ่นในการทำงานของหน่วยงานราชการไทยทำไม ซึ่งผมเห็นว่าเหมือนกับการเตี๊ยมกันล่วงหน้าระหว่างรัฐบาลไทยกับเขมร เพราะในขณะที่กัมพูชาเงียบสงบ แต่รัฐบาลไทยกลับให้ข่าวมัดตัวเองให้เสียเปรียบมาโดยตลอด” นายชวนนท์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น