โฆษกรัฐบาลเผย กอ.รมน. รับทราบ การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง 19 ต.ค. ถึง 30 พ.ย. สั่ง ศอ.รส. ดำเนินการแผนเดิมต่อ “ประชา” กำชับรักษาความปลอดภัยประชาชนเป็นหลัก ส.ส.เพื่อไทยชี้แค่ป้องกันไว้เฉยๆ ปัดรัฐกลัวม็อบ-ลุแก่อำนาจ
วันนี้ (18 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรอง รอง ผอ.กอ.รมน. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เข้าร่วมประชุม โดย ร.ท. หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุมได้รับทราบ มติ ครม.ชุดเล็ก ที่มีมติขยาย พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ใน 3 เขตของกทม. ซึ่งประกอบด้วย ดุสิต พระนคร และป้อมปราบศตรู ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.-30 พ.ย. พร้อมทั้งอนุมติให้ ศอ.รส.ดำเนินแผนการปฏิบัติ ตามแผนการเดินที่ใช้ระหว่างที่มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในวันที่ 9-18 ต.ค. ซึ่งยังคงใช้อัตรากำลังตำรวจเท่าเดิมที่ 56 กองร้อย โดยกำลังดังกล่าวเป็นการเตรียมการไว้ ทั้งนี้ขอชี้แจงเกี่ยวกับ งบประมาณที่มีการอนุมัติให้ ศอ.รส.ใช้ ระหว่างการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในวันที่ 9-18 ต.ค. จำนวน 206 ล้านบาทว่า หากเหลือเท่าใดก็จะมีการจัดส่งคืน ส่วนงบประมาณที่จะใช้ระหว่างการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในวันที่ 19 ต.ค.-30 พ.ย.อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศอ.รส. ที่จะเสนอเข้ามา โดยวงเงินดังกล่าว จะเน้นหนักการอำนวยความสะดวกในการจราจรให้กับประชาชน
“งบประมาณที่ใช้นั้นจะรวมถึงการดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย ไม่ได้มีแต่ค่าเบี้ยเลี้ยงหรือค่าใช้จ่ายในการควบคุมสถานการณ์การชุมนุมอย่างเดียว ส่วนงบประมาณที่จะใช้ในช่วงที่มีการขยายระยะเวลาพ.ร.บ ความมั่นคงฯ ออกไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำคำของบประมาณของ ศอ.รส. โดยจะยังคงใช้โครงสร้างการจัดและอัตรากำลังพลเท่าเดิม คือ 21,550 นาย หรือ 56 กองร้อย” ร.ท หญิง สุณิสา กล่าว
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม พล.ต.อ.ประชา ยังได้ให้นโยบายในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ให้รักษากฎหมาย รักษาความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปและประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกลุ่มต่างๆ และประชาชนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม รวมถึงประชาสัมพันธ์การดำเนินการต่างๆ ของ ศอ.รส.ทุกระยะ โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงทำความเข้าใจกับสถานทูตต่างๆ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้แทนของกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าจะทำหนังสือเวียนไปยังสถานทูตต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจ
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประชา ยังได้ขอให้ดูแลความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมแต่ละกลุ่ม เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พิจารณาการปิดถนน เท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบการจราจรของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่ง ผอ.ศอ.รส. รับปากว่า แนวทางการแก้ไขสถานการณ์ จะเน้นการเจรจา และพึ่งกระบวนการยุติธรรมเป็นหลักในการแก้ปัญหา
“พล.ต.อ.อดุลย์ ยังได้รายงานการดำเนินการของ ศอ.รส.ที่ผ่านมาต่อที่ประชุมด้วยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเจรจากับแกนนำ กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ให้เคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมไปยังบริเวณที่ไม่กีดขวางการจราจร แต่แกนนำไม่ได้ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตามการดำเนินการจะยึดหลักเจรจาและใช้กฎหมายในการแก้ปัญหา ทั้งนี้การดำเนินการที่ผ่านมา ถือว่าเป็นที่พอใจ เนื่องจากไม่มีเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม และสามารถเจรจาให้ ผู้ชุมนุมกลุ่ม กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เคลื่อนย้ายออกจากบริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ” ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าว
ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการขยายเวลาการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. ถึง 30 พ.ย.จากเดิมที่ประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. จนถึง 18 ต.ค. ว่าเป็นเพียงการป้องกันของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องมีการใช้ความระมัดระวังเท่านั้น ซึ่งตนเห็นว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับความกังวลของรัฐบาลที่เกรงกลัวต่อกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เพราะก็ชุมนุมกันอยู่แค่แยกอุรุพงษ์เท่านั้น อีกทั้งยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีการก่อเหตุร้ายแรงใดๆ ส่วนกฎหมายที่สำคัญๆก็ได้เข้าสู่สภาไปหมดแล้ว และในสัปดาห์หน้าก็ยังไม่มีการนำร่างกฎหมายใดเข้าสภาเพื่อพิจารณาแต่อย่างใด พร้อมทั้งปฎิเสธว่ารัฐบาลไม่ได้ลุแก่อำนาจในการขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะหากรัฐบาลประเมินแล้วว่าไม่มีความจำเป็นก็อาจยกเลิกประกาศดังกล่าวก่อนระยะเวลาได้