ศอ.รส.ประกาศปิดถนน 14 สายรอบทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา คปท.ยังคงปักหลักแยกอุรุพงษ์ คาดกลุ่ม “วี ฟอร์ ไทยแลนด์” เข้าร่วม ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมี ตร.ตั้งด่าน 6 จุดรอบพื้นที่ เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุซ้ำ ผบ.ตร.ยังไม่ประกาศขยายพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง คาดเหตุปาระเบิดชัดเจนสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ต.ค.) กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ยังคงปักหลักบริเวณแยกอุรุพงษ์ โดยวันนี้กลุ่มวี ฟอร์ ไทยแลนด์ ประกาศว่า จะเข้าร่วมการชุมนุมด้วย ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมีตำรวจตั้งด่าน 6 จุดรอบพื้นที่ เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุซ้ำ
ผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท.ยังคงปักหลักบริเวณแยกอุรุพงษ์ ถนนพระราม 6 โดยวันนี้กลุ่มวี ฟอร์ ไทยแลนด์ ประกาศว่า จะเข้าร่วมการชุมนุมด้วย ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมีตำรวจตั้งด่าน 6 จุดรอบพื้นที่ เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุซ้ำ
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ยังไม่ประกาศขยายพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยจะประเมินจากสถานการณ์การชุมนุมเป็นรายวัน โดยยังเน้นการใช้การเจรจาขอให้ผู้ชุมนุมย้ายพื้นที่การชุมนุม เพราะการชุมนุมบริเวณนี้กีดขวางการจราจรซึ่งผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถใช้ถนน
สำหรับความคืบหน้าเหตุปาระเบิดตำรวจยังสอบสวนกล้องวงจรผิดที่บนทางด่วน และเตรียมวิเคราะห์วัตถุระเบิดดังกล่าว โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน
ล่าสุดในช่วงบ่าย มีการประกาศของกลุ่มผู้ชุมนุม คปท.มีการนัดหยุดงานเพื่อระดมพลมาชุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (14 ต.ค.)
ด้าน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.และโฆษก บช.น.แถลงข่าวเตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุมว่า สืบเนื่องจากมีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่บริเวณ สน.ลุมพินี และจากแนวทางสืบสวนทางการข่าวระบุว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวจะเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามประกาศตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นในภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อประโยชน์ในการป้องกันปราบปรามระงับยับยั้งและแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ ประกอบกับศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้มีประกาศฉบับที่ 2/2556 เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ
ดังนั้นกองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงมีความจำเป็นที่จะห้ามใช้เส้นทางคมนาคม 14 เส้นทาง ได้แก่ 1.ถนนราชสีมา ตั้งแต่แยกสวนรื่นฤดี ถึงแยกประชาเกษม 2.ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกวังแดง ถึงแยกยมราช 3.ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึงลานพระราชวังดุสิต ด้านหลังพระบรมรูปทรงม้า 4.ถนนลิขิต 5.ถนนพระราม 5 ตั้งแต่ สะพานอรทัย ถึงแยกสุโขทัย 6.ถนนสุโขทัย ตั้งแต่แยกสวนรื่นฤดี ถึงแยกสุโขทัย 7.ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกการเรือน ถึงแยกราชวิถี 8.ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกพระรูป ถึงแยก จปร.9.ถนนลูกหลวง ตั้งแต่แยกสะพานวิศุกรรมนฤมาน (ถนนลูกหลวงตัดถนนราชสีมา) ถึงสะพานเทวกรรม (ถนนลูกหลวงตัดถนนนครสวรรค์) 10.ถนนพิชัย ตั้งแต่แยกขัตติยานี ถึงถนนราชวิถี 11.ถนนนครสวรรค์ ตั้งแต่แยกพิษณุโลก ถึงสะพานเทวกรรม 12.ถนนศรีอยุธยา ตั้งแตกแยกวัดเบญจมบพิตร ถึงแยกกองพล 1 รักษาพระองค์ 13.ถนนนครปฐม 14.ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกประชาเกษม ถึงเทวกรรม
เส้นทางทั้งหมดจะปิดตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวันที่ 13 ต.ค.เป็นต้นไป พร้อมตั้งจุดตรวจเข้มงวด ห้ามรถยนต์หรือบุคคลใดผ่านเว้น แต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อาทิ ประชาชนที่มีบ้านพักอยู่ในเส้นทาง หรือข้าราชการหากจะเข้าสถานที่ราชการสำคัญก็จะต้องแสดงบัตรให้ชัดเจน
