xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” โกหกหน้าด้านๆ แหล! รัฐบาลจีนซื้อข้าวไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานการเมือง

นับเป็นเรื่องน่าเศร้าของประเทศไทย พ.ศ. 2556 ที่เวลาจะพูดถึงคนดีมีความซื่อสัตย์แทบจะยกตัวอย่างผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ได้ต้องย้อนยุคกันไปถึงการใช้โอกาสงานรำลึก 100 ปีชาตกาล “อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์” ที่ได้รับความเชื่อถือยกย่องว่าเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตและต่อต้านการคอร์รัปชัน

โดยใช้โอกาสนี้ “ฉีกโครงการจำนำข้าว” เน่าเฟะของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์มั่ว” อย่างชนิดที่เรียกว่าฉีกเป็นริ้วๆ เย็บต่อกันไม่ติดเลยทีเดียว

แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับความล้มเหลวในโครงการจำนำข้าวรวมถึงความเสียหายและยอดเงินที่ใช้อย่างมหาศาลจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองแต่การตอกย้ำปักหมุดซ้ำๆ ไปที่แผลสดของรัฐบาล ก็ทำให้เลือดยังไหลออกไม่หยุดมาจนถึงวันนี้

แม้ว่า กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังจะปากกล้าขาสั่นออกมาใช้ความล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของตัวเอง ตอบโต้ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เกี่ยวกับการคำนวณตัวเลขขาดทุนที่ยืนกระต่ายขาเดียวว่า 2 ปีไม่ได้ขาดทุน 4.2 แสนล้านบาทตามปากของหม่อมอุ๋ย

แถมยังกล้าใช้หนังหน้าตัวเองการันตีว่า หม่อมอุ๋ยเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าไปถึงขั้นนักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้เรียนบัญชีจึงไม่รู้เรื่องการหักกลบลบหนี้กันเลยทีเดียว

แต่ที่ตลกก็คือคนมีตัวเลขในมืออย่างกิตติรัตน์ ที่ถนัดแต่โกหกหน้าด้านๆ กลับไม่สามารถชี้แจงตัวเลขที่แท้จริงของการขาดทุนจำนำข้าวได้แม้แต่การใช้เงินในโครงการนี้ซึ่งมีตัวเลขจาก ธ.ก.ส.โผล่มายืนยันว่าใช้ไปแล้วถึง 7.6 แสนล้านบาทไม่รวมค่าบริหารจัดการราว 9 หมื่นล้านบาท

เท่ากับแค่ 2 ปี ผลาญภาษีประชาชนบนข้ออ้างว่า “ให้ชาวนาเถอะค่า” ถึงกว่า 8 แสนล้านบาทและกำลังจะถลุงต่อจากการเปิดรับจำนำรอบปัจจุบันอีก 2.7 แสนล้านทำให้โครงการนี้โครงการเดียวใช้เงินแผ่นดินกว่าล้านล้านบาทโดยเงินไปถึงชาวนาประมาณ 30-40% ของเงินที่ใช้ไปทั้งหมดเท่านั้น

เห็นได้ว่าเงินรั่วไหลไปกับการโกงจนเพลินที่มีนักวิชาการให้ฉายาโครงการจำนำข้าวว่า “เป็นนวัตกรรมการโกงรูปแบบใหม่” ถึงอย่างน้อย 69% แต่รัฐบาลยังดันทุรังทำต่อทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ากำลังเดินเข้าสู่ทางตันและยังมีบ่วงคอยรัดคอแน่นขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

จำนำข้าวจึงไม่มีอนาคตมีแต่นับถอยหลัง รอวันที่จะถึงจุดจบว่าจะเอวังลงเมื่อไหร่

เพราะในฤดูกาลนี้ยังหาเงิน 2.7 แสนล้านบาทมาทำโครงการต่อไม่ได้ แต่รัฐบาลยังย่ามใจคิดว่ามีสื่อหลักในมือพูดกำหนดทิศทางประเทศได้คนไทยจะเชื่อหมดซึ่งเป็นความคิดที่ผิดพลาดเพราะโลกยุคปัจจุบันไม่เหมือนในอดีตที่คนชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์แต่มันเป็นโลกแห่งความเป็นจริง ที่ต้องอ้างอิงกันด้วยหลักฐานและสามารถค้นหาข้อมูลกันได้แค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส

ยิ่งไปกว่านั้น คือ “อาการถังแตก” ที่รัฐบาลไม่ยอมรับนั้น ชาวนาคือผู้ที่รู้ดีที่สุด เพราะได้ใบประทวนมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ป่านนี้ยังไม่ได้เงิน ไม่เรียกว่ารัฐบาลหมดตูดแล้วจะเรียกว่าอะไร

ดังนั้น ที่รัฐบาลคิดว่าจะเดินหน้าต่อเพื่อซื้อใจชาวนานั้น สุดท้ายจะเป็นการประจานตัวเองว่าหลอกลวงและใช้ชาวนาเป็นใบเบิกทางในการทุจริตอย่างมโหฬารมากขึ้น

ถึงขนาด ประเสริฐ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย ออกโรงฟันธงว่า ตอนนี้ชาวนารู้แล้วว่ารัฐบาลหมดเงินรับจำนำข้าวพร้อมเรียกร้องว่าชาวนาต้องการให้รัฐบาลเปลี่ยนนโยบายจาก “จำนำ” จนเจ๊งมาเป็น “ประกันรายได้” โอนเงินส่วนต่างเข้าบัญชีชาวนาโดยตรงเหมือนรัฐบาลอภิสิทธิ์แทน

งานนี้จึงต้องเรียกว่าบูมเมอแรงยิ่งขว้างแรงก็ยิ่งกลับย้อนมาหาตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะโครงการนี้เขาเตือนกันจนปากจะฉีกไปถึงก้นว่ามันจะเจ๊งมหาศาลจนฉุดสถานะการคลัง แต่คนอัจฉริยะ อย่างนักโทษหนีคดี หาได้นำพาไม่ยังคงยืนยันอย่างภาคภูมิว่า “โครงการนี้ผมคิดเองคนเดียว ให้คิดใหม่กี่ครั้งก็เลิกไม่ได้”

แน่ล่ะจะมีโครงการไหนกินอิ่มได้เท่ากับโครงการจำนำข้าวที่รัฐเป็นผู้ซื้อรายใหญ่มาขายขาดทุนโดยขาดความโปร่งใสตรวจสอบไม่ได้ ของแบบนี้จะไม่ให้นักโทษหนีคดีชอบได้อย่างไรแต่ความมูมมามที่มาพร้อมความโลภมากเกินไปมักจะย้อนกลับมาทำลายตัวเองเสมอ

เฉกเช่นเดียวกับโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แม้ว่าจะรู้อยู่ว่าไปไม่รอดและเตรียมทางถอยเอาไว้ว่าจะเลิกทำเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแต่ปากก็ยังไม่อยากหุบเพราะท้องไม่เคยรู้จักคำว่า “อิ่ม” เลยคิดทำจำนำทิ้งทวน หวังได้ทั้งเงินและเสียงจากชาวนา อย่างไรก็ตาม จากรูปการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะแห้วทั้งสองอย่างมากกว่า

เพราะในฤดูกาลนี้เอาแค่เงินที่จะใช้จ่ายยังหาไม่ได้ จะไปบีบคอธ.ก.ส.ก็ดูเหมือนว่าผู้บริหารยังมีความเข้มแข็งมากพอที่จะโอนอ่อนตามการเมืองจนกระทบกับสถานะทางการเงินของธนาคารการจะให้ ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อนเหมือนสามฤดูกาลที่แล้ว จึงเป็นเรื่องยาก

งานเลยเข้ากระทรวงการคลังกับกระทรวงพาณิชย์ที่ยังเถียงกันไม่เลิกว่าใครจะหาเงินมาทำโครงการต่อระหว่าางเร่งระบายข้าวกับก่อหนี้เพิ่มเพื่อมาโปะจำนำ

และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ ยิ่งลักษณ์ต้องออกมาโกหกหน้าตายเพื่อเรียกความเชื่อมั่นว่า การระบายข้าวไม่มีปัญหาไทยกำลังจะขายข้าวให้จีนได้ถึง 5 ล้านตันภายใน 5 ปี ทั้งๆ ที่ความจริงไทยขายให้จีนจริงเพียงแค่ 1 ล้านตันภายใน 5ปีเท่านั้น

ที่สำคัญคือ ข้าวที่จีนซื้อไม่ได้ซื้อจากรัฐบาลแต่ซื้อจากเอกชนส่วนที่มีการลงนามระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล 6 ฉบับในวันที่นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางมาเยือนประเทศไทยนั้นไม่มีแม้แต่ฉบับเดียวที่เกี่ยวกับข้าว นอกจากสัญญาที่เอกชนไทยกับจีนเท่านั้น

โดยมีการเผยแพร่ข้อตกลงไทย-จีน 6 ฉบับที่ลงนามในระหว่างนายกรัฐมนตรีหลีเค่อเฉียงเยือนไทยโดยสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีนไว้ตามลำดับการลงนามแบ่งเป็นสองส่วนคือระหว่างรัฐบาลจีนกับรัฐบาลไทย6 ฉบับนั้น

ไม่มีแม้แต่ฉบับเดียวที่จะเป็นการลงนามว่ารัฐบาลจีนจะซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยในลักษณะรัฐต่อรัฐอย่างที่ยิ่งลักษณ์ นำมาอ้าง

แถมยังโม้ลับหลังนายกจีนฯไปถึงขั้นว่าจีนจะซื้อปีละ 1 ล้านตัน 5 ปี 5 ล้านตัน แต่พอนักข่าวซักรายละเอียดก็กลายเป็น “หนูไม่รู้” ท่องแค่สองคำ คือ ลงนามแล้วทำจีทูจี ส่วนรายละเอียดอื่นไปถามกระทรวงพาณิชย์นะค้า

จากการตรวจสอบการลงนามความตกลงระหว่าง 2 ประเทศ ณ ห้องสีฟ้า ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล เวลา 18 นาฬิกา วันที่ 11 ตุลาคม 2556 พบว่าเป็นความร่วมมือกว้างๆ เกี่ยวกับด้านคมนาคม หุ้นส่วนทางวิทยาศาสตร์ ความร่วมมือทางทะเลความร่วมมือด้านการศึกษา ด้านพลังงาน และการส่งเสริมการลงทุน เท่านั้นไม่มีการลงนามระหว่างรัฐต่อรัฐเรื่องข้าวเลยแม้แต่น้อย

แล้วยิ่งลักษณ์ไปเอาเรื่องการลงนาม MOU ข้าวมาจากไหนก็ต้องบอกว่างานนี้ปล้นเอกชนกันซึ่งหน้า เพราะไอ้ที่ลงนามซื้อข้าว 1 ล้านตันภายใน 5 ปีนั้นทางฝ่ายรัฐวิสาหกิจของจีนเขาซื้อกับสมาคมส่งออกข้าวไทยต่างหาก

หากพิจารณารายละเอียดที่นายกฯจีนพูดถึงการซื้อข้าวก็จะเห็นชัดเจนว่าไม่มีคำพูดว่าเป็นการซื้อระหว่างรัฐต่อรัฐออกมาแม้แต่คำเดียว นอกจากว่าจีนจะซื้อข้าว 1 ล้านตันภายใน 5 ปีเท่านั้น จึงยิ่งชัดเจนว่าสิ่งที่หลีเค่อเฉียงพูดนั้นไม่ได้เกี่ยวกับความตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐ แต่เป็นการซื้อข้่าวจากเอกชนไทย

แต่ยิ่งลักษณ์ก็ยังหน้าด้านมากพอที่จะนำมาอ้างว่าเป็นการซื้อข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐถ้าหากเธอไม่จงใจปล้นผลงานเอกชนไปเป็นของตัวเองแล้วเธอคงมีปัญหาเรื่องสมองอย่างรุนแรงจึงได้เข้าใจผิดไปถึงขนาดว่าเอ็มโอยู่ที่ลงนามระหว่างรัฐต่อรัฐมีเรื่อง “ข้าว” ทั้งๆ ที่ไม่มีเหมือนที่เคยหลุดปากบอกนักข่าวว่า “เรือดำน้ำ” ผ่าน ครม.แล้ว ทั้งๆ ที่ไม่มีการพิจารณาวาระดังกล่าว

คำโกหกอาจจะกลบเกลื่อนความจริงได้ชั่วคราวแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้สุดท้ายหางก็จะโผล่และยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ที่คิดว่าจะต่อทายาทกันถึงรุ่นสี่รุ่นห้าให้คนโกงข้อสอบได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น คงจะเป็นได้แค่ “ฝันเปียก” ของนักโทษหนีคดี

แต่ของจริงคือจุดจบจำนำข้าวจะเป็นจุดจบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคการเมืองของทักษิณ
กำลังโหลดความคิดเห็น