xs
xsm
sm
md
lg

วิปค้านชี้แก้ ม.190 พลิกคดี “นพดล” เพิ่มช่องโกงสอบไม่ได้ ฉะ รบ.แหลขายข้าวซ้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน(แฟ้มภาพ)
“จุรินทร์” แจงมติวิปค้านไม่หนุนแก้ ม.190 ชี้มีปัญหาวาระแรก องค์ประชุมไม่ครบ หวังเพิ่มอำนาจฝ่ายบริหารเอื้อฉ้อฉล สอบไม่ได้ แฝงเร้นธุรกิจพลังงาน แก้ได้พลิกคดี “นพดล" ยกประสาทพระวิหารเขมร อ้าง รธน.ใหม่ ไม่ต้องนำเข้าสภา ตอกนายกฯ ส่อโฆษณาชวนเชื่อ จ้อขายข้าวไม่ตรงกับนายกฯจีน ย้อนอดีตก็โกหกส่งออกข้าว หวังด้านจำนำข้าวต่อ


วันนี้ (14 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า การประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 มีทั้งหมด 4 มาตรา โดยพรรคประชาธิปัตย์มีผู้แปรญัตติ 106 คน และสงวนความเห็นทั้งหมด 13 คน ซึ่งวิปฝ่ายค้านพิจารณาแล้วเห็นควรมีมติไม่ให้ความเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพราะเห็นว่าทั้งกระบวนการพิจารณาและเนื้อหามีปัญหา โดยกระบวนการพิจารณามีปัญหาตั้งแต่วาระแรก เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ขณะที่ในส่วนของเนื้อหาเห็นว่าเป็นการเพิ่มอำนาจฝ่ายบริหาร ลดอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ในการทำสัญญาของฝ่ายบริหารจะทำให้รัฐบาลฉ้อฉลหาประโยชน์ เอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่มได้ โดยที่รัฐสภาไม่สามารถตรวจสอบได้

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า รวมทั้งพบวาระซ่อนเร้นอย่างน้อย 2 เรื่องคือ 1. การเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจด้านพลังงาน และ 2. กรณีที่พบว่าหากเป็นการลงนามในแถลงการณ์ร่วม เช่น กรณีที่ รมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าการลงนามดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพราะไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน ดังนั้น ในอนาคตหากรัฐธรรมนูญใหม่มีผลบังคับใช้จะทำให้การลงนามในแถลงการณ์ร่วมลักษณะเดียวกัน ไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา และอาจมีการอ้างว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้ว การกระทำที่ผ่านมาจึงไม่มีความผิดตามรัฐธรรมนูญใหม่ก็ได้

ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวถึงกรณีที่นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะซื้อข้าวจากประเทศไทยจำนวน 1 ล้านตัน ในระยะเวลา 5 ปี แต่เมื่อเดินทางกลับแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับพูดว่าจีนตกลงซื้อข้าวแบบจีทูจีปีละ 1 ล้านตันจากประเทศไทย ซึ่งวิปฝ่ายค้านยังไม่เคยเห็นการลงนามซื้อขายข้าว จึงเห็นว่าเป็นการพูดข้างเดียว อาจจะเข้าข่ายการโฆษณาชวนเชื่อหรือประสงค์ให้โครงการรับจำนำข้าวเดินหน้าได้ด้วยความชอบธรรม ดังนั้นต้องดูว่ามีการซื้อขายจริงหรือไม่ ทั้งนี้ ในอดีตรัฐบาลเคยโกหกประชาชนว่าเคยมีการทำสัญญาซื้อขายข้าวกับจีน แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบตัวเลขส่งออกข้าวให้จีน และหากขายให้จีนได้จริง ก็ยังแก้ไขปัญหาข้าวล้นสต๊อกโกดังได้


กำลังโหลดความคิดเห็น