xs
xsm
sm
md
lg

งัดกม.ติดดาบปราบม็อบ รักษาภาพอวดนายกฯจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รายงานการเมือง

รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรงานเข้าอีกแล้ว ภายหลังจากกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) รุกคืบเข้ายึดพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลไว้ได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา

นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลผิดพลาด ปล่อยให้ม็อบของกลุ่มต้านประชิดถึงขอบรั้วทำเนียบรัฐบาลอันเป็นฐานบัญชาการได้ชนิดจ่อคอหอยแบบนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ฝ่ายรับผิดชอบมิวายต้องโดนชี้หน้าด่ากราด

เนื่องด้วยที่ผ่านมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศเวลาหูแว่วทราบข่าวว่าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆมักจะตื่นตูมป้องกันจุดสำคัญๆ ก่อนไว้เสมอๆ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภาที่ใครก็ไม่สามารถย่างกรายเข้ามาได้

เรื่องของเรื่องเพราะทักษิณ ชินวัตรนายใหญ่หนีคดีอาญาแผ่นดินที่พลัดถิ่นอยู่ต่างแดน ยังเข็ดขยาดกับพิษม็อบยึดสถานที่จนหาที่ซุกหัวนอนลำบาก โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์สามีสุดที่รักของ “เจ๊ด.” รู้ดีที่สุดคนหนึ่งเพราะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยได้เหยียบเท้าเข้าตึกไทยคู่ฟ้า

ด้วยเหตุนี้ การป้องกันจุดยุทธศาสตร์จึงสำคัญยิ่งชีพต่อองคาพยพของพรรคเพื่อไทยและนักโทษหนีคดี ทักษิณ เพราะขืนปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามช่วงชิงไปได้ถือเป็นการเพลี่ยงพล้ำครั้งใหญ่

เห็นได้จากที่ผ่านมา กับปรากฎการณ์ “ม็อบแช่แข็งสองภาค” ไล่ตั้งแต่ภาคแรกของ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.)ที่ประกาศลั่นจะปิดเกมภายในวันเดียวโดยมีการระดมคนจากทั่วสารทิศมาที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

ทำเอาตอนนั้นรัฐบาลผวาต้องรีบใช้วิชามารดักทางด้วยการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ใน 3 เขต พื้นที่ ประกอบด้วย พระนคร ดุสิตและป้อมปราบศัตรูพ่าย ขณะเดียวกัน ยังลุแก่อำนาจด้วยการตั้งด่านสกัดจุดต่างๆนอกเขตพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อไม่ให้มีการขนคนเข้ามาเติมในพื้นที่กทม.

จนสุดท้าย “ม็อบแช่แข็งภาคแรก” แตกพ่าย เพราะโดนวิชามารทุบ!!

ถัดจากนั้นไม่ถึงปี “ม็อบแช่แข็งภาคสอง” ก่อกำเนิด โดยการนำของพล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ และอดีตนายทหารชื่อดังหลายคนโดยมาในนามคณะเสนาธิการทหารร่วม และก่อตั้งกปท.ขึ้นมา โดยมีการประกาศจะชุมนุมใหญ่แต่ปิดเงียบเรื่องยุทธศาสตร์ว่าจะดำเนินการอย่างไร

แต่กระนั้นก็ยังโดนกฎหมายติดดาบอย่างพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ 3จุดเดิมอีกหน เพื่อไม่ให้ม็อบก้าวเท้าเข้าใกล้สถานที่สำคัญของรัฐบาล กระทั่ง“ม็อบแช่แข็งภาคสอง” พ่ายแพ้วิชาการถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่ได้แค่สวนลุมพินี และค่อยๆกระแสตกลงไป

อย่างไรก็ตาม แม้กระแสจะหล่นจนคนลืมแต่ตามยุทธศาสตร์ของแกนนำกปท.แม้จะมีคนเหลือเพียงน้อยนิดแต่การคงอยู่ของคนไม่กี่คน ก็เพียงพอต่อการเพาะเชื้อเอาไว้หากวันหนึ่งสุกงอมพอ

และมันก็ได้ผลเพราะวันนี้คนเพียงหยิบมือกำลังจะสร้างปัญหาครั้งใหญ่ให้กับรัฐบาลอีกครั้งเมื่อฉวยจังหวะการรำลึกครบรอบการต่อสู้ 7 ต.ค.51 เข้ามาชุมนุมอยู่ข้างทำเนียบรัฐบาลในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตายใจไม่ได้ทันได้ตั้งหลักสกัด คิดว่าเป็นการชุมนุมพื้นๆ เดี๋ยวก็สลายตัวทั่วๆ ไป

เข้าทำนองประมาทว่า เป็นฟืนเปียกที่ไม่มีพิษสงอะไร!!

แต่หารู้ไม่ว่าการปล่อยปละเข้ามาในครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลาดแบบมหันต์ เพราะแน่นอนว่าเมื่อกปท.เคลื่อนพลเข้ามาสู่จุดยุทธศาสตร์ได้แล้ว คงไม่ยอมยกก้นลุกไปง่ายๆ

การช่วงชิงจังหวะคราวนี้ถือว่าฝ่ายรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำและไม่ทันเกมของฝั่งตรงข้ามแบบเต็มๆโดยเฉพาะยุทธศาสตร์ของกปท.ที่ไม่มีการประกาศล่วงหน้าว่าจะมีการชุมนุมจุดไหนเหมือนที่ผ่านๆ มา ไม่มีการแหวกหญ้าให้งูตื่น

ขณะที่ภายหลังม็อบมาปักหลักค้างแรมแล้วการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้เป็นผลบวกต่อรัฐบาล และผลลบต่อม็อบเลยสักนิดแต่ยิ่งจะเป็นการลดแต้มให้รัฐบาลเพราะดันทะลึ่งตื่นตูมเกินเหตุไล่ปิดถนนกันแบบไม่บันยะบันยังทำเอาชาวบ้านเดือดร้อนกันระนาว รถติดกันยาวเหยียด ทั้งๆที่ผู้ชุมนุมยังมีปริมาณไม่มากนัก

แน่นอนว่าความเลินเล่อครั้งนี้หน่วยงานที่จะต้องรับผิดชอบไปแบบเต็มๆ คงหนีไม่พ้นยุทธจักร “สีกากี” ที่น่าจะมีคนถูกเซ่นสังเวยความห่วยแตกเป็นแน่

นาทีนี้คนที่เต้นเป็นเจ้าเข้าก็สองมะเขือเทศอย่าง “นายอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้วผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ “แจ๊สพี่ให้”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่งานเข้า หูดับแน่ๆเพราะต่อให้ไปเคลียร์อย่างไร ทีท่าม็อบก็คงไม่ยอมสลาย เพราะอุตส่าห์ทะลวงเข้ามาปักหลักได้ทั้งที

เมื่อเป็นเช่นนี้ความกดดันจึงตกอยู่ที่รัฐบาลฝั่งเดียวว่าจะดำเนินการกับม็อบอย่างไร โดยเฉพาะยิ่งวันที่ 11 ตุลาคมนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเดินทางมาเยือนยิ่งเป็นอีกปัจจัยที่บีบให้ต้องทำอะไรสักอย่าง

และเกมดูท่าจะถูกบีบให้รัฐบาลไม่มีทางเลือกแบบจนเข้าเงื่อนไขสุดท้ายคือการสลายการชุมนุมในที่สุด

ยิ่งล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.)ตัดสินใจควักดาบออกจากฝักด้วยการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในพื้นที่กทม.กันเป็นหนที่ 3 ภาพที่จะได้เห็น อาจเป็นการเข้าประชิด ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่หากม็อบมาน้อยๆ รัฐบาลลยกออกแน่ ไม่ปล่อยให้แน่นอกแน่นใจ

มีความเป็นไปได้ว่า จะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 11 ตุลาคมที่ต้องมีการเลี้ยงต้อนรับนายกรัฐมนตรีของจีนรัฐบาลไม่ต้องการปล่อยให้เกิดภาพบาดหูบาดตา ต่อนายกฯจีนเพราะมันจะทำลายความสมบูรณ์แบบของระบอบทักษิณ ทำให้ต่างชาติมองเข้ามาด้วยความสังสัยน่าจะกลัววันที่ 11ตุลาคม มากกว่า 13 ตุลาคมตามที่ออกมาดักคอกันก่อนหน้านี้

อีกนัยหนึ่งที่ต้องเร่งสลายเพราะทำเนียบรัฐบาลถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญหากปล่อยให้ผู้ชุมนุมปักหลักกันได้นานๆ โอกาสที่จะยืดเยื้อยิ่งมีสูง และไม่ส่งผลดีต่อรัฐบาลเลย

ต้องอย่าลืมว่า เชื้อความไม่พอใจรัฐบาลในขณะนี้มีสูงและมีอยู่หลายก๊กหลายกลุ่มเหลือเกินทั้งเกษตรกรชาวสวนยางพาราในภาคใต้ที่เตรียมกรีธาทัพผสมโรง รวมทั้งกลุ่มคนต่างๆที่เกลียดชัง “นช.ทักษิณ” เป็นทุนเดิมที่รอจังหวะเข้าร่วมมานมนาน

ยิ่งวันนี้ฝั่งต่อต้าน “น.ช.ทักษิณ” ประชิดขอบรั้วทำเนียบรัฐบาลสถานที่ที่นักชุมนุมต่างมองว่าเป็นพื้นที่ที่ใกล้เคียงความจริงในการขับไล่ได้มากที่สุด

โอกาสปะทุและเรียกมวลชนได้มากมายจึงมีสูง!!

กระนั้นก็ตาม เมื่อรัฐบาลเตรียมตัวจะเข้าสลายการชุมนุมในครั้งนี้เพื่อต้องการเคลียร์ทางให้ภาพสวยนั้นก็อาจจะเป็นดาบสองคมที่อาจจะต้องเสี่ยงรับสภาพเหมือนกัน

เพราะม็อบมีสองอย่างคือ หากโดนกระบอง และแก๊สน้ำตาก็อาจขวัญผวาแล้วล้มเลิกการชุมนุมเก็บของกลับบ้าน แต่กับอีกอย่างหนึ่งคือยิ่งโดนทุบ ยิ่งสร้างความเกลียดชัง ทำให้ประชาชนยิ่งแห่เข้ามาร่วมชุมนุม

ถ้าเป็นแบบอย่างหลังก็นับถอยหลังกลียุคกันอีกรอบได้เลย!!
กำลังโหลดความคิดเห็น