xs
xsm
sm
md
lg

กรุงเทพโพลล์ ระบุคนกรุงเครียดของแพงมากสุด จี้รัฐบาลเร่งแก้ไข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรุงเทพโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจคนกรุงเทพ 39% เครียดมากที่สุดในเรื่องของแพง 74% ทำให้สุขภาพจิตเสียมากถึงมากที่สุด จี้รัฐบาลรีบแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง แนะประชาชนมองโลกในแง่ดีเพื่อลดความเครียด

เนื่องในวันที่ 10 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เป็นวันสุขภาพจิตโลก ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “รัฐบาลกับสุขภาพจิตคนกรุง และวิธีคลายเครียดอย่างสร้างสรรค์” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จาก 1,746 คน

ผลสำรวจเรื่องที่ทำให้คนกรุงเทพฯ เครียด และวิตกกังวลมากที่สุดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านคือ ข้าวของราคาแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 39.3 โดยเพิ่มขึ้นจากการสำรวจปี 2555 ร้อยละ 10.7 รองลงมาคือ การจราจรติดขัด คิดเป็นร้อยละ 11.8 ซึ่งลดลงร้อยละ 0.6 และการบริหารประเทศของรัฐบาล นโยบายของรัฐบาลคิดเป็นร้อยละ 10.3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1

ส่วนปัญหาที่ท่านรู้สึกเครียด และวิตกกังวลในข้างต้น ส่งผลให้สุขภาพจิตเสียมากน้อยเพียงใด ร้อยละ 74.9 ระบุว่ามากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 25.1 ระบุว่าน้อยถึงน้อยที่สุด

สำหรับเรื่องที่อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหามากที่สุดในขณะนี้ เพื่อทำให้สุขภาพจิตของคนกรุงเทพฯ ดีขึ้นคือ แก้ปัญหาสินค้าราคาแพง ร้อยละ 43.1 รองลงมาคือความขัดแย้งทางการเมืองทำให้สังคมแตกแยก ร้อยละ 21.4 และการทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 15.0 โดยเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้นพบว่า ร้อยละ 73.6 เชื่อมั่นน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ ร้อยละ 26.4 เชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด

นอกจากนี้เมื่อถามว่าคนในกรุงเทพฯ เสี่ยงที่จะมีปัญหาทางสุขภาพจิตมากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับคนต่างจังหวัด ร้อยละ 56.8 เห็นว่ามีมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 38.2 เห็นว่ามีพอๆ กัน และร้อยละ 5.0 เห็นว่ามีน้อยกว่า

สุดท้ายเมื่อถามว่า “ปัจจุบันนี้ ข่าวการเมืองทำให้ท่านเครียดใช่หรือไม่” ร้อยละ 77.8 ระบุว่าใช่ ในจำนวนนี้ ร้อยละ 41.0 เห็นว่าใช่แต่จำเป็นต้องติดตาม และร้อยละ 36.8 เห็นว่าใช่จึงพยายามหลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้ ขณะที่ร้อยละ 22.2 เห็นว่าไม่ใช่เพราะไม่ค่อยสนใจการเมือง

ส่วนวิธีคลายเครียดอย่างสร้างสรรค์ ที่คนกรุงเทพฯ มักทำมากที่สุดเพื่อลดความเครียดคือ คิดบวกอยู่เสมอๆ มองโลกในแง่ดี ร้อยละ 48.9 รองลงมาคือ ออกกำลังกาย ร้อยละ 35.1 ทำงานอดิเรกเช่น ปลูกต้นไม้ ดูหนัง ร้อยละ 32.9 เล่นสังคมออนไลน์ ร้อยละ 24.9 และเข้าวัด ฟังเทศน์ ทำบุญ ร้อยละ 18.8


กำลังโหลดความคิดเห็น