“สุริยะใส” นำสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หารือ กลุ่ม 40 ส.ว.หาทางออกวิกฤตประเทศ เชื่อสภาฯ ยังเป็นศูนย์กลางของปัญหาพร้อมย้ำ อำนาจนิติบัญญัติกับอำนาจบริหาร ควรแยกออกจากกัน
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่ห้องอาหารมรกต อาคารสโมสรรัฐสภา นายสุริยะใส กตะศิลา กรรมการผู้ประสานงานกลุ่มการเมืองสีเขียว ในฐานะคณะทำงานสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) และคณะทำงาน สปท.ประมาณ 20 คน ได้เข้าหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ร่วมกับกลุ่ม 40 ส.ว.นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายสมชาย แสวงการ, นายประสาร มฤคพิทักษ์, นายมณเฑียร บุญตัน, นายตวง อันทะไชย, นางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ, นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง, นางสาวสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี โดยมีวาระในการหารือ 3 เรื่อง คือ 1.แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในเรื่องระบบรัฐสภาที่หลายฝ่ายมองว่ายังเป็นปัญหา 2.วิเคราะห์วิกฤติรัฐธรรมนูญว่าจะมีโอกาส หรือแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความรุนแรงได้หรือไม่ และ 3.จะมีการหารือเรื่องผลดี ผลเสียของการแก้ไขที่มา ส.ว. รวมทั้งหารือถึงความเป็นไปได้ในการเคลื่อนไหวร่วมกัน ระหว่าง สปท.กับกลุ่ม 40 ส.ว.ในอนาคต
โดยการประชุมใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นนายสุริยะใส แถลงผลการหารือระหว่าง สปท. กับ กลุ่ม 40 ส.ว. ครั้งที่ 1 ซึ่งมีความเห็นตรงกันถึงปัญหาบ้านเมืองในปัจจุบันมี 8 ประเด็น ดังนี้ 1.ปัญหาระบบรัฐสภา โดยรัฐสภาไทยเป็นศูนย์กลางของวิกฤติการเมือง 2. พรรคการเมืองกลายเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ 3.รัฐสภาถูกคุกคามอำนาจทางการเมืองจากฝ่ายบริหารที่เข้ามาแทรกแซง 4.บทเรียนจากกลุ่ม 40 สว.ยืนยันว่าเสียงข้างมากไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชนอย่างชัดเจน และเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น 5.หลักการถ่วงดุลอำนาจ 3 ฝ่ายถูกทำลาย มีความพยายามเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐให้เป็นรัฐเดี่ยว ออกกฎหมายตามอำเภอใจจนเกิดความวิปริต โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท 6.ความสมดุลของข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำที่เสียไป เห็นได้จากข้าราชการประจำเกิดความกลัว ไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานกับคณะกรรมาธิการ 7.ข้อบังคับการประชุมรัฐสภาควรมีการปฏิรูปใหม่ 8.วาระการดำรงตำแหน่งของ สส. 4 ปี และ สว. 6 ปียาวเกินไป
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ยังไม่มีการตกผลึกและจะต้องมีการพูดคุยกับกลุ่ม 40 สว.ต่อ มี 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การกระจายอำนาจจะมีรูปแบบและเนื้อหาอย่างไร ไม่ใช่ให้ฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไปแก้ปัญหาฝ่ายเดียว 2.สส.จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ 3.แนวทางการแบ่งอำนาจจากฝ่ายนิติบัญญัติออกจากฝ่ายบริหารควรทำอย่างไร 3.นายกรัฐมนตรีควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงหรือไม่ 5.การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำกัดกรอบทางการเมืองมากเกินไป ควรดูทิศทางทางเศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณการใช้จ่าย เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังออกกฎหมายวิธีพิเศษพิสดารนอกงบประมาณ ทำให้เงินภาษีไม่ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการหารือเรื่องวิกฤตการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา สว.ที่ศาลถูกคุกคามและถูกกดดันทั้งตัวองค์กรและตัวบุคคล ซึ่งภาคประชาชนจะกลับไปหารือว่าจะให้กำลังใจศาลในรูปแบบใด และที่มีความเป็นห่วง คือ หากศาลมีคำวินิจฉัยที่ไม่เป็นคุณกับระบอบทักษิณ จะมีวิธีการรับมืออย่างไร ทั้งนี้ทาง สปท.เชื่อว่าหากแก้รัฐธรรมนูญที่มา สว.สำเร็จสถานการณ์จะกลับไปรุนแรงมากกว่า 7 ปีที่ผ่านมา
นายไพบูลย์ กล่าวว่า หลังจากนี้กลุ่ม 40 สว.และสปท.จะร่วมมือทำงานมากขึ้น โดยจะร่วมกันจัดเสวนาให้ความรู้เรื่อง “รื้อระบบพรรคการเมืองเจ้าของคนเดียว แก้วิกฤตการเมืองไทย” ในวันพุธที่ 16 ต.ค.เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป ที่รัฐสภา
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของ สปท.นั้น ในวันที่ 13 ต.ค.นี้จะมีการประชุมสมัชชาประชาชนครั้งที่ 1 ซึ่งมีตัวแทนจาก 77 จังหวัด ประมาณ 1 พันคนเข้าร่วมประชุมที่อาคารอุไรรัตน์ ม.รังสิต ตั้งแต่ 09.00-21.00 น.
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ซึ่งทาง สปท.ได้ขอให้ กลุ่ม 40 ส.ว.ไปเยี่ยมกองทัพประชาชนที่ชุมนุมอยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ด้วย เพราะกองทัพประชาชนก็เป็นเครือข่ายสภาปฏิรูปเช่นกัน