โฆษกสำนักนายกฯ เผย นายกฯ ระบุ ศก.เอเปกเดินถูกทาง เหตุมีความมั่นคงอาหาร-น้ำ ชี้ท้าทายบริหารท่วม-แล้ง เล็งใช้น้ำต่อยอด โยงจัดการน้ำ 3.5 แสนล.จุดเริ่มรับมือวิกฤตน้ำ พร้อมแบ่งปันความรู้ให้เอเปก ปีหน้าจัดประชุมจัดการน้ำ เผยไทยเริ่มเกษตรโซนนิง สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำสอดคล้องโครงการกู้รัฐ เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งอาหารยั่งยืน
วันนี้ (8 ต.ค.) นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ได้มีการหารือในหัวข้อ “การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความเท่าเทียม-ความมั่นคง ทางอาหาร น้ำ และพลังงาน” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวเห็นด้วยว่าเป็นแนวทางของเขตเศรษฐกิจเอเปกที่เดินมาถูกทางแล้ว เพราะเมื่อมีความมั่นคงด้านอาหารและน้ำ จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายธีรัตถ์ กล่าวว่า ในที่ประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวถึงความท้าทายของไทยในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง ที่จะเป็นโอกาสในการนำน้ำมาใช้เพื่ออุตสาหกรรม เกษตรกรรม ซึ่งความยั่งยืนทางอาหาร เห็นได้จากการลงทุนมูลค่า 350,000 ล้านบาทของไทย เพื่อบริหารจัดการน้ำ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มศักยภาพของไทยในการรับมือกับวิกฤตน้ำทุกรูปแบบ ซึ่งไทยพร้อมจะแบ่งปันความรู้ให้กับสมาชิกเอเปก นอกจากนี้ช่วงต้นปี 2557 ไทยเตรียมจัดการประชุมการบริหารจัดการน้ำในระดับภูมิภาค หัวข้อ “การประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนในล้านช้าง-ลุ่มน้ำโขง เพื่อหาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในการประชุมเอเปกที่วลาดิวอสต๊อก เมื่อปีที่แล้วได้หยิบยกความสำคัญของการเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บอาหาร ลดกระบวนการสูญเสียระหว่างห่วงโซ่อุปทาน รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร ทำให้ประเทศไทยเริ่มวางแผนการบริหารจัดการภาคการเกษตรให้เหมาะสมตามแต่ละภูมิภาคด้วยแนวทางเกษตรโซนนิง เพราะจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าเกษตรที่เหมาะสม การผลิตจากอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้น ช่วยลดต้นทุน รวมถึงการใช้ที่ดินอย่างเต็มศักยภาพ โดยรัฐบาลไทยจะบริหารจัดการเกษตรโซนนิงให้สอดคล้องกับการลงทุนบริหารจัดการน้ำ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้พื้นที่การเกษตรได้รับการปกป้องจากภัยธรรมชาติในอนาคตแล้ว ยังช่วยให้สินค้าเกษตรถูกส่งต่อไปยังโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างสะดวก อันจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน ของสมาชิกเอเปกและของโลกในยามปกติ และยามวิกฤต