ตร.กระชับพื้นที่ชุมนุมกปท. ด้านถ.พิษณุโลก "ชัย" แถลงชี้ ตร.ปิดถนน.รอบทำเนียบ และโยนให้ผู้ชุมนุม แถมสกัดมวลชน-เสบียง "ปรีชา" ยันปักหลักต่อ เพื่อบี้รัฐฯทำงาน ชี้ พระวิหารจ่อตัดสินยังนิ่ง ลั่นไร้การเมืองหนุน "ประชา" เรียกหน่วยเกี่ยวข้องถก ผบช.น. แจงไม่น่าห่วง ปัดใช้ กม.มั่นคง "แรมโบ้แดง" รับเจรจาผู้ชุมนุมยาก ขอกลับไปที่เดิมเหตุเตรียมรับนายกฯจีน ทำเนียบ รับ นายกฯสั่งจับตา อ้างมีการ์ดใต้นำอาวุธร่วมแจม
วันนี้ ( 8 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) นำโดย พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และนายไทกร พลสุวรรณ ยังดำเนินการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ ถ.พิษณุโลก อย่างต่อเนื่อง โดยมวลชนใช้พื้นที่การจราจรในการชุมนุมทำให้ต้องมีการปิดเส้นทางจราจรบางส่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้รั้วเหล็กกั้นตั้งแต่บริเวณแยกพาณิชยการ สะพานชมัยมรุเชฐ ไปจนถึงแยกมิกสักวัน พรัอมปิดป้ายห้ามจราจรผ่านเส้นทางการชุมนุม
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมก็มีการสลับขึ้นปราศรัยบนรถขยายเสียง โจมตีการทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะประเด็นการนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ประเด็นที่มา ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯ ทั้งที่มีการยื่นคำร้องให้แก่ศาลรัฐธรรมนูญตีความกระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ รวมทั้งมีกิจกรรมสนทนาธรรมจากสำนักสันติอโศก
จนเมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปิดอยู่บริเวณแยกสวนมิสกวันได้มีการกระชับพื้นที่เข้ามาบริเวณด้านใน ถ.พิษณุโลก ถึงประตูทางออกกองทัพภาคที่ 1 โดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสนาธิการร่วม กปท. ได้เข้าเจรจาให้คืนพื้นที่แต่ไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรึงกำลังบริเวณดังกล่าวต่อไป ส่วนบรรยากาศในช่วงเช้าอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว จนในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.ได้มีฟ้าครึ้มพร้อมลมแรง ประกอบกับมีฝนตกโปรยลงมา
ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ เสนาธิการร่วม กปท. แถลงข่าวว่า จากสถานการณ์ขณะนี้ทาง กปท.ได้มีการประชุมและมีข้อสรุป คือ การปิดถนนบริเวณโดยรอบทำเนียบ เป็นการปิดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุม อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการประกาศตลอดว่า การปิดถนนเป็นการปิดจากกองทัพธรรม
“กปท.ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีการปิดทางเข้าออก ไม่ให้มวลชนใน กทม.และต่างจังหวัดเข้าร่วมชุมนุมกับ กปท. รวมทั้งไม่ให้นำเสบียงอาหารเข้ามาในพื้นที่ด้วย” พล.ร.อ.ชัย กล่าว
ด้าน พล.อ.ปรีชา กล่าวยืนยันว่า จะปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบ และการชุมนุมครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีเจตนารมณ์ชัดเจน คือ ชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และการมาเรียกร้องครั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาของประชาชน เพราะที่ผ่านมา 2 ปี รัฐบาลไม่เคยทำ เอาแต่แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
“ปัญหาที่ใหญ่อย่างเรื่องเขาพระวิหารรัฐบาล ก็อยากให้รัฐบาลสนใจ เพราะกำลังจะเข้าสู่การตัดสินอีกไม่นานนี้ และขอยืนยันว่าการชุมนุมไม่ได้สอดคล้องกับที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการล้มรัฐบาลในวันที่ 8 ต.ค. และยืนยันว่าการชุมนุมเป็นไปอย่างอิสระไม่มีพรรคการเมืองสนับสนุน แต่ถ้าพรรคการเมืองไหนมีแนวทางเดียวกันเราก็ยินดีให้เข้าร่วม” พล.อ.ปรีชา กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.ท่องเที่ยวฯ เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมโดยรอบทำเนียบรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาทิ พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) พล.ต.สฤษฏ์ชัย เอนกเวียง ผบช.ส. เข้าให้ข้อมูลทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวภายหลังการหารือว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง มีเพียงผู้ชุมนุมที่ปิดถนน จึงยังไม่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงอย่างที่มีกระแสข่าว และหลังจากนี้จะมีกาาเจรจากับผู้ชุมนุม ซึ่งอยู่ระหว่างพิจาณาตัวแทนการเจรจาของฝ่ายรัฐ ซึ่งอาจจะเป็น พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวพล.ต.อ.ประชา จะเป็นผู้ชี้แจงและให้ข้อมูลเอง
ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลจะต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงสาเหตุการปิดถนนว่าเกิดจากการชุมนุมของกปท. ซึ่งเดิมกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้มีการปิดถนนไว้อยู่แล้ว รัฐบาลจึงต้องปิดถนนเพื่อควบคุมบริเวณและดูแลความปลอดภัย ทั้งนี้ ตนประเมินว่าผู้ชุมนุมอยู่ในจำนวนที่สามารถควบคุมได้และยืนยันจะใช้วิธีการเจรจาด้วยเหตุและผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายกลับไปชุมนุมที่สวนลุมพิธีเช่นเดิม อีกทั้งพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลจะเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีจีน จึงต้องขอความร่วมมือเพื่อต้อนรับแขกบ้าน แขกเมือง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการเจรจาอาจจะยากกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอื่นเนื่องจากเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ยืนยันทั้งฝ่ายการเมือง และฝ่ายความมั่นคงพร้อมที่จะเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเบื้องต้นได้มีมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้เจรจาก่อน
นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า นายกฯได้โทรศัพท์ถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและขอให้มีการประเมินสถานการณ์ว่าจะมีความยืดเยื้อเพียงใด และขอให้เตรียมความพร้อมตลอดเวลาด้วย ซึ่งการประเมินสถานการณ์นั้นฝ่ายการเมือง ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจสันติบาลจะประเมินร่วมกัน ส่วนการตัดสินใจจะอยู่ที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรองเลขาฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานใดๆ จากฝ่ายผู้ชุมนุมว่าจะมีการยื่นหนังสือเรียกร้องแต่อย่างใด และการระบุว่าคัดค้านการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีไม่ให้ขึ้นทูลเกล้าร่างฯ แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว.นั้น รัฐบาลจะต้องทำตามกฎหมาย หากไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ หากไม่ทำก็ผิดกฎหมายนายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า จากการข่าวรายงานว่าจะมีการนำการ์ดจากภาคใต้ ซึ่งมีการนำอาวุธมาด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการตั้งจุดสกัดเพื่อความรอบคอบและป้องกันการก่อเหตุของมือที่สาม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการชุมนุมจะเป็นสิทธิ แต่หากมีการนำอาวุธเข้ามา เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องทำตามกฎหมายทั้งนี้
