หน.ปชป.คาดศาลคงมีคำสั่งลำบาก เหตุนายกฯ นำแก้ที่มา ส.ว.ทูลเกล้าฯ แล้ว ระงับคงทำไม่ได้ ชัดเจนร่วมมือกับ “ค้อนปลอม” หลังยื้อส่งคำค้าน สกัดการใช้สิทธิตาม ม.154 ชี้ตั้งกระทรวงน้ำ-กระทรวงอุดมศึกษาไม่ตอบโจทย์ แนะกระจายอำนาจอุดมศึกษา - ย้ำจัดการน้ำต้องประสานท้องถิ่นให้ ปชช.มีส่วน
วันนี้ (3 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง 40 สมาชิกวุฒิสภาที่ยื่นให้ระงับนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.ว่า ศาลคงมีคำสั่งลำบากเพราะนายกฯ ได้นำเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ดังนั้นการจะไประงับในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วคงทำไม่ได้อยู่แล้ว และค่อนข้างชัดว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภากับนายกรัฐมนตรีเหมือนจะสมรู้ร่วมคิดกัน โดยประธานส่งเรื่องให้นายกฯ สามารถนำทูลเกล้าฯ ได้ แล้วทิ้งระยะเวลาส่งเรื่องของ ส.ส.หลังจากนั้น 1 วัน ซึ่งเหมือนเป็นการสกัดกั้นการใช้อำนาจหรือใช้สิทธิของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 เพราะหากเคารพการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายก็ควรที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนปกติ คือ มีคำร้องของ ส.ส.ขึ้นมาก็ควรส่งเรื่องให้นายกฯ ระงับการดำเนินทูลเกล้าฯ การไว้ก่อน
ส่วนแนวคิดการตั้งกระทรวงน้ำ กับกระทรวงอุดมศึกษาและวิจัย เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง และไม่ใช่สูตรสำเร็จในการตอบโจทย์ปัญหา โดยประเด็นของอุดมศึกษาควรมีการกระจายอำนาจไปที่สถาบันอุดมศึกษาให้มาก ส่วนงานวิจัยนั้นสิ่งที่ควรทำตอนนี้ คือ จัดระบบเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และไม่ให้อยู่ไกลจากระบบราชการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว โดยมีหน่วยงานมาดูแลด้านการจำกัดมาตรฐาน และส่งเสริมสนับสนุนกติกาที่ไม่ทำให้กระทบกับความเป็นอิสระของวิชาการ และจัดสรรทุนสนับสนุนการวิจัยให้เพียงพอ กำหนดโจทย์ที่คิดว่าเป็นประเด็นสำคัญของประเทศ ที่ต้องให้งานวิจัยมาตอบโจทย์ กำหนดทิศทางประเทศ
ส่วนที่มีการชุมนุมปิดสนามบินที่ จ.สุโขทัยของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมนั้น ตนคิดว่าปัญหาขณะนี้ คือ การตัดสินใจ กับการมีส่วนร่วมนั้นมีปัญหา นี่เป็นประเด็นที่ต้องคิดว่าถ้ามีการตั้งกระทรวงขึ้นมาแล้วมีลักษณะของการรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง มันจะตอบโจทย์สภาพปัญหาขณะนี้หรือไม่ ทั้งนี้เห็นว่าการบริหารจัดการน้ำนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประสานกับพื้นที่ท้องถิ่น แล้วก็ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสะท้อนความคิดเห็น
