ส.ส.สงขลา ประชาธิปัตย์ ยื่นร้องทุกข์ ป.ป.ช.สอบ “จุลสิงห์” ผิดอาญา มาตรา 200 ไม่ฎีกาคดี “หญิงพจมาน” เลี่ยงภาษีโอนหุ้นให้ “บรรณพจน์” ฉลองเกษียณอายุราชการ ซัดปกปิดข้อเท็จจริง รับไม่ยื่นถอดเหตุไม่มั่นใจ ส.ว.ชุดใหม่
วันนี้ (30 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมกฎหมายพรรค แถลงข่าวก่อนเดินทางไปยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด (อสส.) กระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 ว่าด้วยเจ้าหน้าที่พนักงานในกระบวนการยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ฐานไม่สั่งฎีกาคดีคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวก จงใจเลี่ยงภาษี 273,060,000 บาท ด้วยการโอนหุ้นให้นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ โดยมีนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เป็นผู้ดำเนินการทำเป็นขายให้
ทั้งนี้ นายถาวรกล่าวว่า หลังจากที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้น และมีคำพิพากษาให้จำคุกคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้จัดการแทน เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนนายบรรณพจน์จำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้องคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนภาว่าไม่มีความผิด ส่วนนายบรรณพจน์ให้จำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญาแทน แต่ปรากฏว่าอัยการกลับไม่ยื่นเรื่องฎีกาต่อ
นายถาวรกล่าวว่า ส่วนเหตุผลที่ต้องกล่าวโทษนายจุลสิงห์ เพราะ 1. อัยการกลับความเชื่อ ความเห็น กรณีคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา จากเห็นว่ามีความผิดเป็นไม่ผิด ซึ่งตามปกติเรื่องในลักษณะดังกล่าวอัยการต้องยื่นฎีกาเกือบทุกเรื่อง 2. อัยการมีความเห็นกรณีบทลงโทษจำคุกตามประมวลรัษฎากร ว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวไม่มีเจตนารมณ์ไม่ประสงค์ให้จำคุกผู้กระทำความผิด 3. อัยการปกปิดข้อเท็จจริงในกรณีสั่งไม่ฎีกา กรณีคุณหญิงพจมานจ่ายค่าหุ้นจากระเป๋าซ้ายใส่กระเป๋าขวาแทนนายบรรณพจน์ และยอมจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) นายหน้าแทน แต่ได้หนีภาษี 273,060,000 4. กรณีนายบรรพจน์ ศาลพิพากษาว่าผิดตามฟ้องแต่ลงโทษ 1 ปี รอลงอาญา อีกทั้งประธานศาลอุทธรณ์ได้ตรวจสำนวนและทำความเห็นแจ้งว่าการหลบหนีคดีนี้เป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ไม่สมควรรอลงอาญา แต่อัยการกลับไปก้าวล่วงวินิจฉัยเสียเองว่าแม้จะฎีกาไป ศาลฎีกาก็คงจะไม่รับฎีกา
นายถาวรกล่าวต่อว่า 5. อัยการอ้างว่าการไต่สวนเรื่อง การหลบหนีภาษีคดีนี้ได้ไต่สวนโดยไม่มีการออกหมายเรียก ขาดเหตุผลในการอ้าง เพราะกฎหมายมุ่งประสงค์ให้ทำการไต่สวนให้เกิดความเป็นธรรมถูกต้อง ก่อนประเมินว่าภาษีเท่าใด มีการหลบหนีหรือไม่ แต่อัยการไปอ้างเรื่องยังไม่ออกหมายเรียก และ 6. ป.ป.ช.ก็เคยมีดุลยพินิจแจ้งให้อัยการยื่นฎีกาคดีนี้ แต่อัยการก็เพิกเฉยไม่ใส่ใจต้องการหาเหตุผลมาสั่งไม่ฎีกาอย่างเดียว
“วันนี้ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่วันสุดท้ายของนายจุลสิงห์ เพราะต้องเกษียณอายุราชการ โดยหลังจากเกษียณผมทราบว่าท่านจะไปเป็นอัยการอาวุโส จึงต้องดูว่าคณะกรรมการอัยการสูงสุดจะพิจารณาแต่งตั้งให้เป็นหรือไม่ หาก ป.ป.ช.รับพิจารณาคดีนี้ ผิดถูกอย่างไรก็ไปพิสูจน์กัน แต่ที่ผมไม่ยื่นถอดถอนท่านเป็นเพราะไม่มั่นใจว่า ส.ว.ชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจะมีกระบวนการถอนถอดโปร่งใส่หรือไม่ เพราะมาจากฐานการเมือง ทั้งนี้เหตุผลที่ยื่นฟ้องหลังจากท่านเกษียณ เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าอยู่ในตำแหน่งจะใช้อิทธิพลปกป้องตัวเองหรือไม่” นายถาวรกล่าว
นายถาวรกล่าวต่อว่า ตนจะมอบเอกสารที่สามารถรวบรวมมาได้อย่างยากลำบาก โดยได้ขอเอกสารที่ขอไปทางอัยการต้องต่อสู้อยู่หลายครั้ง จนได้มาบางส่วน โดยขั้นตอนจากนี้หาก ป.ป.ช.เห็นว่ามีมูลความจริงก็จะตั้งคณะอนุกรรมการและเชิญตนไปไต่สวนต่อไป และหากมีการกระทำผิดจริงจะต้องถูกจำคุกระหว่าง 6 เดือน ถึง 7 ปี