xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ฉะ “ปลอด” กลับกลอกสร้างเขื่อน เย้ย “ปู” โม้ผลงานสวนสถาบัน IMD-WEF

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อภิสิทธิ์” ชี้แก้ รธน.ที่มา ส.ว. เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง มีผลประโยชน์ขัดกัน ต่างจากสมัยตนแก้เรื่องเขตเลือกตั้ง เพราะไม่ได้เป็นการเพิ่มสิทธิให้ ส.ส. ฉะ “ปลอด” กลับกลอกเขื่อนแม่วงก์ เย้ย รบ.แถลงผลงานโม้สวนทางสถาบัน IMD-WEF จัดอันดับ แนะแค่ให้เสื้อแดงหยุดป่วน ทุกคนเคารพกฎกติกา บ้านเมืองก็เดินหน้าได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาปาหี่ตั้งเวทีปฏิรูป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 28 ก.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยบนเวทีประชาชน “หยุดกฎหมายล้างผิดคิดล้มรัฐธรรมนูญ หยุดเงินกู้ผลาญชาติ หยุดอำนาจฉ้อฉล” ณ โรงยิม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ตอนหนึ่งว่า เรื่องเขื่อนแม่วงก์ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ รัฐไม่พยายามรับฟังการท้วงติงจนกระทั่งพี่น้องประชาชนจำนวนมากลุกขึ้นมา ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องขอแสดงความชื่นชมคุณศศิน เฉลิมลาภ ที่เป็นผู้นำให้พี่น้องประชาชนตื่นตัวเรื่องนี้ วันนี้ปัญหามีอยู่เพียงว่า คนที่ได้รับมอบอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ ชื่อนายปลอดประสพ สุรัสวดี จะฟังเขาหรือไม่ เพราะผมฟังคุณปลอดประสพ พูดทีไร ก็ยังมองไม่เห็นว่าตั้งใจจะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง บอกว่าสัตว์ป่า ป่า หมดไป ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ อ้างว่าถ้าไม่สร้างน้ำท่วม คน เมือง ประเทศชาติ จะเสียหายขนาดสร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้ สุดท้ายคนเขาก็เลยไปค้นดูประวัติว่า ตอนที่นายปลอดประสพ เป็นข้าราชการดูแลป่าไม้ นายปลอดประสพ เคยคัดค้านเขื่อนนี้ ปลอดประสพ ก็เลยมาตอบสภาแล้วครับ ตอบว่า ที่เคยค้านเพราะตอนนั้นเป็นเขื่อนที่จะทำเรื่องชลประทาน แต่วันนี้จะทำเขื่อนป้องกันน้ำท่วม เลยไม่ค้านแล้ว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลแถลงผลงานว่า ผมรู้แล้ว ผมไม่อยากต้องไปเถียงกันไป เถียงกันมาว่า คุณคิดอย่างนี้ ผมคิดอย่างนี้ ผมจึงต้องเอาข้อเท็จจริงที่เป็นการประเมินจากคนที่เป็นกลาง สถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ หรือตัวเลขจากราชการให้แก่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลดู เช่น ที่บอกว่ากำลังเตรียมความพร้อม ความสามารถการแข่งขันประเทศ โดยเฉพาะจะเข้าสู่อาเซียน ผมก็เอาตารางมาให้ดูเลย สถาบันหลักๆ ที่เขาจัดอันดับ IMD กับ WEF

IMD ประเมินขีดความสามารถความแข่งขันของประเทศทุกเรื่องที่เกี่ยวกับภาครัฐ หรือรัฐบาล หรือนโยบายของรัฐบาล เทียบกับปี 53 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ประชาธิปัตย์บริหารเต็มปี ไม่มีเรื่องไหนเลยครับที่อันดับดีขึ้น มีแต่แย่ลงทั้งนั้น

WEF ประเมินนี่ ผมเอาไปให้ดูเพราะอะไร รัฐบาลกำลังจะบอกว่า ก็นี่ไง กำลังจะแก้เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน กำลังจะเอารถไฟความเร็วสูง กำลังจะเอาถนนหนทางมาให้ ผมก็ชี้ให้เห็นว่า เวลาเขาประเมินความสามารถการแข่งขันนี่ เขาลงรายละเอียด พอเขาพูดถึงถนน พูดระบบราง อันดับเราจะอยู่ประมาณ 40-50 กว่าๆ แต่พอเขาพูดถึงการศึกษา พอเขาพูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ เราจะอยู่ 80-90 พอเขาพูดเรื่องการเมือง เรื่องตำรวจ เรื่องการคอร์รัปชัน อันดับเราอยู่เป็นร้อย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงแนวทางปรองดองว่า จะปรองดองหรืออะไรอย่างไรนั้น อย่างที่ผมบอก ไม่ต้องไปรบกวนคุณบรรหารหรอก นี่ก็จะตั้งเวทีปฏิรูปกันอีกแล้ว วันที่ไหน วันที่ 7-8-9 ตุลานี่ไม่ต้องหรอกครับ ให้เสื้อแดงหยุดป่วน และให้ทุกคนเคารพกฎหมาย เคารพกระบวนการยุติธรรม เคารพศาล บ้านเมืองเดินหน้าได้ด้วยความปรองดอง

ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องวุฒิสภานี้ มีปัญหา 1.อาจถือได้ว่ากระทบต่อรูปของรัฐ หรือเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการเปลี่ยนดุลอำนาจในระบบการเมืองที่มีการออกแบบไว้ให้วุฒิสภานั้นมีความเป็นกลางทางการเมือง เพื่อที่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และเป็นผู้แต่งตั้ง ถอดถอน ทั้งองค์กรอิสระ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง แต่พอมาเปลี่ยนเป็นเลือกตั้งทั้งหมด และยังเป็นการเลือกตั้งที่ไปขจัดข้อห้ามทั้งหลายที่มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ ส.ว. เหมือนกับ ส.ส. หรือมีการตกอยู่ภายใต้การครอบงำทางการเมือง การแก้อย่างนี้จึงถือได้ว่ากระทบดุลอำนาจ อาจะมองได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ หรือการล้มล้างการปกครอง

2.การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำที่ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงเป็นผู้ใช้อำนาจเสียเอง ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นผู้ที่ถูกห้ามไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว. อีกในปีหน้า ถ้าไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ แต่ ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งกำลังยกมือสนับสนุนเห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้สิทธิตัวเองในการที่จะลงสมัครอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นการทำหน้าที่ที่เห็นได้ชัดว่ามีผลประโยชน์ขัดกัน มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่า ผู้แทนปวงชนชาวไทยต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดประโยชน์ส่วนรวม และต้องไม่มีผลประโยชน์ของตนเองขัดแย้ง การได้สิทธิตรงนี้ หรือการที่ ส.ส. หรือญาติ หรือคู่สมรสของ ส.ส. จะได้สิทธิตรงนี้ ก็น่าคิดเช่นเดียวกันว่า ส.ส.ที่มีความตั้งใจส่งคนเหล่านี้ลงมารับเลือกตั้ง ส.ว. มีผลประโยชน์ขัดกันหรือไม่

กรณีนี้ไม่เหมือนสมัยที่รัฐบาลที่แล้วแก้รัฐธรรมนูญเรื่องเขตเลือกตั้ง เพราะการแก้เรื่องเขตเลือกตั้งไม่ได้เป็นการเพิ่มสิทธิให้แก่ ส.ส. เพียงแต่วิธีการในการเลือกตั้งเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีการร้องไปว่า เป็นการออกกฎหมายให้แก่ตัวเอง เหมือนกฎหมายนิรโทษกรรมนี่แหละครับ ที่ผมมาเล่าให้ฟังไงครับว่า พอไปตรวจสอบรายชื่อทั้งหลาย ส.ส.หลายคนที่เสนอชื่ออยู่นี้จะพ้นจากคดีความต่างๆ ไปบุกล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา ไปครอบครองอาวุธ หรืออะไรก็ตาม หรือไปก่อการร้ายก็จะพ้นจากความผิด การออกกฎหมายให้แก่ตัวเอง ต้องถือว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต

แล้วก็ที่สำคัญมากครับ ไม่เพียงแต่แก้กฎหมายเพื่อตัวเองเท่านั้น แม้แต่กระบวนการในการพิจารณากฎหมายก็มีการทุจริต ปิดกั้น ส.ส.-ส.ว. ที่แปรญัตติ มีสิทธิเสนอคำแปรญัตติตัวเอง กลับใช้เสียงข้างมากปิดการอภิปรายขัดต่อรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ
















กำลังโหลดความคิดเห็น