“อุทัย” ระบุประเทศกำลังเดินสู่ทางตัน ผู้นำแก้ปัญหาตามความพอใจตัวเองไม่สนใจประชาชน “จรัญ” ฉะประชานิยมสะสมโคตรโกง ชี้ปัญหาเกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต จี้พัฒนาระบบ กกต. “หม่อมอุ๋ย” เผย “รัฐบาลปู” ผิดพลาดใช้วิธีแจกเงิน เน้นนโยบายประชานิยม ทำเศรษฐกิจดิ่งเหว แนะเร่งกระบวนการใช้เงินของประชาชนโดยอาศัยงบฯ ของรัฐบาล
ที่โรงแรมเดอะสุโกศล วันนี้ (28 ก.ย.) สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จัดประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2556 โดยมีการจัดเสวนาเรื่อง “ทางออกประเทศไทย” โดยมี นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายเทพชัย หย่อง กรรมการบริหารเครือเนชั่น ร่วมเสวนา
โดยนายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวบนเวทีเสวนาตอนหนึ่งว่า หลายฝ่ายกำลังหาทางออกให้ประเทศ บทบาทของสื่อคือ ฟังเสียงของประชาชน เพื่อร่วมหาทางออกของปัญหา
นายอุทัย พิมพ์ใจชน กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเดินสู่ทางตันในหลายๆ ด้าน ผู้นำประเทศแก้ปัญหาด้วยวิธีตามความพอใจของตนเองไม่สนใจประชาชน แต่ตนอยากให้ปัญหาจบลงภายในสภา เพราะจะใช้เวลาอย่างมากเพียง 4 ปี และตัว ส.ส. สะท้อนปัญหาในพื้นที่ตนได้ เรื่องการบริโภคสื่อ ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเกิดความสับสนมาก โดยเฉพาะการรับสื่อชุมชนที่มีการแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน
ด้าน นายจรัญ ภักดีธนากุล กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของประเทศคือ ความล่มสลายของคนในชาติ และปัญหานโยบายประชานิยมสะสมเป็นนโยบายโคตรโกง เชื่อว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากระบบการเลือกที่ไม่สุจริต มีการซื้อสิทธิขายเสียงเลือกผู้แทนเข้าสภา ไม่ใช่ระบบข้าราชการแต่อย่างใด หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเราจะบอกคนรุ่นใหม่ได้อย่างไรว่าสิ่งเหล่านี้นั้นไม่ถูกต้อง การขายเสียงไม่ใช่เพียงเพราะเขาจน แต่เพราะระบบเปิดโอกาสให้กระบวนการทุจริตสามารถทำได้สะดวก และมีปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม ทางออกคือ พัฒนาระบบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ใสสะอาดมาดูแลควมคุม และเพิ่มประสิทธิภาพเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนเลือกผู้แทนจากผลงาน ไม่ใช่ถูกครอบงำทางการเมือง สร้างระบบตัดการรวมตัวกันของกลุ่มทุนและนักการเมือง เชื่อว่าถ้าทำได้ต่อไปจะได้นักการเมืองที่ดี เห็นแก่ประโยนช์ของประเทศไม่ใช่ประโยชน์ของพรรค
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กล่าวว่า ขณะนี้การลงทุน และการส่งออกชะลอตัวลง ถ้าต้องการแก้ไข ต้องเพิ่มการใช้จ่ายในประเทศให้มากขึ้น รัฐบาลชุดนี้มีความพยายามที่จะทำ แต่ผิดวิธีเพราะใช้วิธีแจกเงิน และใช้นโยบายประชานิยม เช่น รถคันแรก ถือเป็นการกระตุ้นเพียงปีนี้ แต่ไม่คิดถึงปีหน้า ดังนั้น ต่อไปนี้ต้องเรียนรู้ข้อผิดพลาด ต้องเร่งกระบวนการใช้เงินของประชาชนโดยอาศัยงบประมาณจากรัฐบาลก่อน ช่วงเวลานี้จะหวังการลงทุนจากต่างชาติ หรือแม้แต่ในชาติคงไม่ได้ ต้องกระตุ้นให้คนไทยไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งสินค้าเข้าประเทศแทน และเพื่อเป็นการสร้างฐานการผลิตที่พร้อมมากกว่า แถมยังเป็นสร้างเครือข่ายทางการค้า ซึ่งระบบเช่นนี้เกิดขึ้นแล้วในบริษัทเอกชน แต่รัฐบาลไม่มอง ในด้านการขนส่งสินค้า ควรทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้า ซึ่งสามารถทำได้เพราะไทยมีความแข็งแรงด้านการลงทุนอยู่แล้ว
ส่วนนายเทพชัย หย่อง กล่าวว่า ขณะนี้หมดเวลามาคุยเพื่อหาทางออกของประเทศแล้ว เพราะมีการพูดคุยกันมามากแล้วในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีใครนำวิธีเหล่านั้นไปทำ ซึ่งบุคคลที่ควรนำไปดำเนินการคือ ผู้ที่ถืออำนาจนั่นเอง ด้านสื่อควรสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง ไม่ใช่ยุยงให้เกิดความแตกแยกเช่นที่หลายๆ สื่อพยายามทำอยู่ในปัจจุบัน โดยเร็วๆ นี้ ประเทศไทยกำลังจะมีทีวีดิจิตอล ซึ่งถูกระบุว่าเป็นทีวีที่ปราศจากจากการแทรกแซงจากอำนาจรัฐ ตนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นเช่นนั้น ช่องทีวีดิจิตอลมีถึง 24 ช่อง เป็นช่องข่าวถึง 17 ช่อง ตนอยากให้ช่องเหล่านี้นำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ น่าเชื่อถือ และทำให้ประชาชนฉุกคิดมากขึ้น
นอกจากนี้ หากสื่อทำหน้าที่ของตนเองอย่างมืออาชีพ และมีหลักการก็จะสามารถพาสังคมสู่ทางออกของปัญหาได้ ตนเชื่อว่าสาเหตุที่ประชาชนมีอารมณ์รุนแรง เพราะขาดการรู้เท่าทันสื่อ จะเชื่อในสิ่งที่ได้รับรู้ทันที ทั้งนี้ ตนคาดหวังว่าจะมีการปลูกฝังให้ประชาชนรู้เท่าทันสื่อ และสื่อเองจะเปิดช่องทางให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกมากขึ้น