xs
xsm
sm
md
lg

“เปิดใจสาวปู” กร่อย! อ่านโพยขายฝัน 2 ล้านล.ออกทีวี สื่อบ่นไม่ต่างจากที่พูดรายวัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ จัดงานแถลงข่าวใหญ่ขายฝันกู้สร้างอนาคตประเทศ 2 ล้านล้านบาท ยืนอ่านเอกสารประกอบ 30 นาที เนื้อหาประเด็นรายวัน สื่อทำเนียบฯ บ่นไม่คุ้มออกอากาศสดช่อง 9 จ้างออกาไนซ์เอิกเกริก

วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานแถลงข่าวโครงการ “สร้างอนาคตไทย 2020” สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ โดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานหลักในการจัดการเสวนาและนิทรรศการ รวมถึงเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมใน 12 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่าง 4 ต.ค. ถึง 1 ธ.ค.56 นี้

โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวถึงโครงการสร้างอนาคตไทย 2020 ตอนหนึ่งว่า เราใช้คำว่าโครงสร้างอนาคตประเทศไทย 2020 เนื่องจากเราได้มีการนำเสนอในเรื่องของ พ.ร.บ.โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านมาแล้ว และโครงสร้างพื้นฐานเป็นอนาคตของประเทศไทย เราก็อยากจะใช้โอกาสนี้ในการเชิญคนไทยด้วยกันของเรานั้นมาช่วยกันคิดว่า ในอนาคตถ้า พ.ร.บ.โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านนี้ ได้มีการดำเนินการไป ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 7 ปี ถามว่าถ้า 7 ปีนี้ ถ้าเรามาร่วมกันวาดภาพอนาคตของประเทศไทยอีก 7 ปีข้างหน้าร่วมกันจะเป็นอย่างไร เราจะทำอย่างไรให้การคาดหวังนี้เราเดินไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน และปัจจัยที่สำคัญถ้าเรามีการลงทุนทุกโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของการที่เราจะบอกว่า สิ่งที่เราคาดหวัง คือสิ่งที่เราฝัน หรืออนาคตนั้นจะเกิดขึ้นจริง เพื่อโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านที่รัฐบาลจะได้มีโอกาสได้นำเสนอ

นายกฯ กล่าวต่อว่า เนื้อหาของโครงสร้างพื้นฐานนี้เราจะพูดถึงระบบคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ และรวมถึงเรื่องของด่าน การเชื่อมโยงประเทศในกลุ่มประเทศภูมิภาคในกลุ่มอาเซียนเข้าด้วยกัน นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เราจะเริ่มเห็นว่าจิ๊กซอว์อันแรกของการวางภาพในอนาคตนั้นก็คือ การวางโครงสร้างพื้นฐาน เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมระหว่างประเทศไทย ไปต่อเชื่อมกับเมืองต่างๆ

นายกฯ กล่าวด้วยว่า จุดเริ่มต้นของการลงทุนคมนาคมในประเทศไทยเริ่มมา 117 ปีแล้ว ตั้งแต่ครั้งเมื่อรัชกาลที่ 5 ท่านได้ทรงประกอบพิธีเปิดการเดินรถไฟสายแรกของประเทศไทย สายแรกอยู่ที่กรุงเทพฯ-อยุธยา ค่ะ ใช้ระยะทางประมาณ 71 กิโลเมตร ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เป็นการเสริมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศไทย ถือว่าเป็นมิติใหม่ของประเทศไทยในการเชื่อมเศรษฐกิจ หลังจากนั้นการคมนาคมก็ได้เพิ่มพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะเห็นว่าความเจริญต่างๆ เริ่มกระจายจากเมืองหลวงกรุงเทพมหานครไปยังเมืองต่างๆ มากขึ้น หรือจะเรียกได้ว่ามีความเสมอภาค ไม่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ผู้คนต่างๆ ก็จะเดินทางหากันได้มากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เรามองก็คือว่า เราคิดว่าโครงการนี้ต้องเป็นโครงการของคนไทยทุกคน คนไทยทุกคนจะร่วมมือกันอย่างไรในการที่จะทำให้โครงการต่างๆ เหล่านี้เป็นจริง และตอบโจทย์ความต้องการของประเทศไทย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเราใช้เวลาในการพัฒนาระบบคมนาคมมาตลอด แต่ช่วงหลังเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่มาบ่อยๆ เราก็ขาดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมาเป็นเวลานาน ดังนั้นเราจึงต้องเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่เราควรจะต้องทำให้ประเทศของเรานั้นสามารถที่จะก้าวไปในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันก็คือการลงทุนครั้งใหญ่ของประเทศ แต่เรียนว่าการลงทุนครั้งใหญ่นี้ใช้เวลาถึง 7 ปีกว่าที่เราจะได้เห็นภาพที่เราจะพูดด้วยกันวันนี้ ตนขอเรียนว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน อยากขอใช้คำว่าเป็น พ.ร.บ.เพื่อการลงทุน เพราะเป็นการลงทุนเพื่อสร้างอนาคตของประเทศไทย แล้วเราจะได้พูดกันว่าในปี 2020 อนาคตของประเทศไทยหลังจากมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้วจะเป็นอย่างไร

นายกฯ กล่าวต่อว่า สิ่งแรกที่เราพบคือประเทศเราไม่ได้ลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานมาเป็นเวลานาน ดังนั้นขีดความสามารถในการแข่งขัน ถ้าเราไม่ได้พัฒนา และอยู่กับที่ แต่เพื่อนบ้านพัฒนา ขีดความสามารถของเราก็ลดลง จึงเป็นโจทย์แรกที่รัฐบาลนำเอาปัญหานี้มาสะท้อน และต้องการที่จะเห็นประเทศของเรานั้นยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และการยกระดับขีดความสามารถนี้ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจกับนักลงทุน และสิ่งที่จะได้ต่อมาก็คือเรื่องของพลังงาน การลงทุนโครงสร้างนี้เรามองในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานในการเชื่อมโยงเมืองสู่เมือง อุตสาหกรรมสู่อุตสาหกรรม แต่สิ่งที่ต้องการก็คือว่าเราต้องการเห็นการลดการใช้พลังงาน ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่ง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ถ้าเราไม่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ที่จะมาลงทุน โดยเฉพาะสินค้าต่างๆ ก็มีต้นทุนในการลงทุนขนส่งที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันเราก็ต้องเผชิญกับเรื่องของการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ดังนั้นต้นทุนตรงนี้เป็นต้นทุนที่เราจะไม่สามารถแข่งขันได้กับประเทศอื่นเลย นั่นคือต้นทุนที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมในประเทศไทย หรือแม้กระทั่งคนจะมาลงทุนเขาก็ต้องวิเคราะห์ว่าจะมาลงทุนประเทศไทย ต้นทุนของไทยเป็นอย่างไรเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าต้นทุนดีกว่าจุดนี้ก็เป็นจุดในการดึงดูดนักลงทุนด้วย นอกจากนั้นก็คือเรื่องของการเชื่อมประเทศไทยเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เราพูดถึง ASEAN เราพูดถึง AEC ว่าเราจะเชื่อมโยงในเรื่องของประชาคมอาเซียน แต่สิ่งที่จับต้องได้จริงๆ คือการเชื่อมโยงในเรื่องของเส้นทางโลจิสติกส์ หรือคมนาคมระหว่างเพื่อนบ้านมาที่เรา และการที่เราจะต้องมีในเรื่องของด่านหรือ National Single Window ที่เป็นมาตรฐาน เพราะอีกหน่อยเราจะต้องมีเพื่อนบ้านมามากมาย เราจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากมายเช่นกัน

นายกฯ กล่าวต่อว่า ทุกอย่างนั้นต้องมีการวางระบบที่มีโครงสร้างที่แน่นอน เพื่อให้เกิดการพัฒนาเกิดความเจริญ และที่สำคัญไม่กระทบทางด้านของความมั่นคง นี่ก็เป็นประโยชน์ทางตรงของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ถ้าเรามามองว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลงทุนเพื่อสร้างอนาคตประเทศไทย เพราะวันนี้รัฐบาลมองว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนั้นไม่ได้แค่ตอบโจทย์ว่าเรามีโครงสร้างพื้นฐาน เรามีรถไฟความเร็วสูง เรามีรถไฟรางคู่ เรามีถนน เรามีทางด้านของสนามบินหรือแม้กระทั่งเรามีด่านชายแดน มีท่าเรือต่างๆ แต่สิ่งที่เราจะได้คือมากกว่านั้น คือ เรื่องของการส่งเสริมสินค้าเกษตร ในหลายๆ ประเทศที่มีรถไฟความเร็วสูงหรือมีเส้นทางคมนาคมขนส่งที่เกิดขึ้น ตามสถานีต่างๆ ถ้าจะนึกภาพว่ามีสินค้าเกษตรต่างๆ ที่มีอาหาร มีโอทอป มีสินค้าพื้นบ้านมาขายตามสถานี ซึ่งเป็นสถานที่ที่อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางมา คนที่อยู่ในท้องถิ่นก็นำสินค้าที่เป็นท้องถิ่นมาขาย สิ่งหนึ่งที่จะตอบก็คือว่าจะสะท้อนเอกลักษณ์ของท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งที่เราจะสะท้อนให้ผู้ที่มาใช้เส้นทางคมนาคมนั้นได้สะท้อนถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ ขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่ก็จะมีรายได้ที่ดีขึ้น อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เรามองสินค้าโอทอป

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ไม่เพียงแค่โอทอปที่จะเกิดขึ้น ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ต่างๆ ในเรื่องของสาธารณูปโภคก็จะเกิด โรงพยาบาล โรงเรียน สถานีตำรวจก็ต้องลงไป สถานที่ต่างๆ ที่เป็นบริการภาคสาธารณะก็ต้องลงไป ลงไปสิ่งที่ได้กลับมาก็คือ “ความเจริญ” แน่นอนนักลงทุนก็ต้องสนใจที่จะลงทุน นี่คือสิ่งที่เรามองว่าประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นมากกว่านี้ ดังนั้นรถไฟหรือโครงสร้างพื้นฐานเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม แล้วสิ่งต่างๆ นี้ก็จะเกิดขึ้น

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้หลักในเรื่องของการเชื่อมโยงที่จะทำให้ต้นทุนลดลงแล้ว เราก็จะเชื่อมโยงตั้งแต่เรียกว่า Supply Chain ก็คือเส้นในเรื่องของการให้บริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ก็คือการที่เราจะเชื่อมแหล่งผลิตโดยเฉพาะภาคการเกษตรเข้ากับโรงงานที่จะต้องไปเป็นโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปและรวมไปถึงส่งออก ถ้าเรามีการเชื่อมกันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้ดีขึ้น สิ่งที่เห็นแน่ๆ คือต้นทุนที่ลดลง

นายกฯ กล่าวต่อว่า สิ่งที่สองก็คือ เห็นว่าระยะทางต่างๆ ก็เร็วขึ้น ถ้าเร็วขึ้นสิ่งที่ได้รับก็คือสินค้าต่างๆ ถึงมือผู้บริโภคเร็วขึ้น สดขึ้น และดึงดูดในการลงทุนมากขึ้น นอกเหนือจากต้นทุนกลางน้ำแล้ว ยังมีหลักที่จะเชื่อมในเรื่องของงานบริการ ซึ่งถือว่างานบริการ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวดีๆ จำนวนมากจะเห็นว่าบางสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไปเที่ยวจะเห็นเส้นทางคมนาคม หรือการขนส่ง หรือสนามบิน หรือสิ่งที่จะเดินทางไปนั้น ใช้เวลายากลำบากมาก ถ้าเรามีการเชื่อมเมืองท่องเที่ยวสู่เมืองท่องเที่ยวด้วยกัน ตนเชื่อว่าตรงนี้ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวอยู่กับเรานานขึ้น สมมติว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วจะต่อไปจังหวัดอื่น ถ้าไม่มีหรือจุดเชื่อมโยง เขาก็ไม่สามารถที่จะไปได้ก็อยู่แค่กรุงเทพฯ แต่ถ้าเราสามารถเชื่อมเมืองท่องเที่ยวต่อเมืองท่องเที่ยวให้ตรงกับความต้องการจะทำให้นักท่องเที่ยวอยู่กับเรานานขึ้น รายได้ก็จะกลับมาเป็นรายได้ของท้องถิ่นมากขึ้น และความเจริญต่างๆ ก็ตามมา

นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการลงทุนแล้วนั้น สิ่งที่จะได้รับก็คือ การวางระบบของผังเมืองให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่กับอนาคตของประเทศไทยใหม่ว่า อีก 7 ปีข้างหน้า ถ้าเมื่อมีโครงสร้างพื้นฐานลงไประบบการวางโครงสร้างของเมืองจะเป็นอย่างไร และเราจะต้องสะท้อนในเรื่องของการเชื่อมโยงระบบการบริหารจัดการน้ำด้วย เรามีระบบการบริหารจัดการน้ำที่จะดูแลเรื่องของอุทกภัยและใช้เพื่อชลประทาน แต่แน่นอนการบริหารจัดการน้ำก็ต้องไม่ขัดกับระบบคมนาคม สิ่งนี้เราก็คงจะต้องเชื่อมโยงในส่วนนี้ด้วย และก็เชื่อมเมืองสู่เมือง

ฉะนั้นหลักการในการคิดของการวางโครงสร้างนี้ ก็จะเชื่อมเมืองที่มีประชากรมากสู่เมืองที่มีประชากรมาก หรือเชื่อมเมืองที่มีประชากรมากไปสู่เมืองท่องเที่ยว ซึ่งลักษณะที่เราวางก็คือเป็นการวางในลักษณะของการเชื่อมเมืองต่อเมือง และในแต่ละภาคนั้นก็จะมีศูนย์กลางของภูมิภาคที่จะเชื่อมโยงทั้งเมือง ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าประโยชน์จะมีแก่จังหวัดที่มีสถานีรถไฟฟ้าหรือจุดต่างๆ ที่โครงสร้างพื้นฐานลงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นจุดที่จะเชื่อมดึงความเจริญของเมืองอื่นๆ เข้ามาด้วย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า เรากำลังบอกว่าโครงสร้างพื้นฐานนี้กำลังวางโครงสร้าง Backbone หรือเส้นเลือดใหญ่เข้าไป ขณะเดียวกันจังหวัดอื่นๆ นั้นก็จะมีเส้นเลือดฝอยที่จะเป็นย่อยๆ ต่อลงไปถึงสถานที่ท่องเที่ยว ต่อลงไปถึงจุดที่มีประชากรมาก ต่อลงไปถึงจุดที่มีโรงงานอุตสาหกรรม หรือต่อลงไปถึงจังหวัดที่มีต้นน้ำหรือภาคการเกษตร ดังนั้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็คืออนาคตที่เราอยากจะเห็นภาพของประเทศไทย สุดท้ายเราก็อยากจะเห็นว่าภาพนี้เป็นขีดความสามารถที่จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานของเราดีขึ้น เราเชื่อมโยงความเจริญสู่ความเจริญ เรากระจายความเจริญไปยังเมืองต่างๆ ให้ทั่วถึงขึ้น แต่ที่สำคัญสิ่งที่เรามองเห็นภาพในอนาคตของปี 2020 นั้น คือความอบอุ่นของครอบครัว

นายกฯ กล่าวอธิบายต่อว่า จะเห็นได้ว่าหลายๆครอบครัว โดยเฉพาะต่างจังหวัดจะต้องเดินทางมายังเมืองใหญ่ๆ เพื่อมาทำงาน แล้วใช้เวลากว่าจะได้กลับบ้านเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปี แต่ถ้ามีโครงสร้างพื้นฐานนี้ก็จะทำให้คนในครอบครัวสามารถที่จะกลับไปหาครอบครัวได้เร็วขึ้น ความอบอุ่นต่างๆ เหล่านี้ ที่ดิฉันมองว่ามากยิ่งกว่าที่บอกว่าเรามีรายได้แต่เรามีความอบอุ่น มีพื้นฐานชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้น จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงอยากจะมีโอกาสในการนำเสนอโครงสร้างพื้นฐานนี้ลงไปยังพี่น้องประชาชนในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ และเราอยากจะบอกว่า เราอยากให้คนไทยทุกคนรวมพลังในการวาดภาพอนาคตประเทศไทยปี 2020 ว่า เราอยากจะเห็นประเทศไทยเป็นอย่างไร เราอยากจะเห็นว่าการที่เราจะนำเอาโครงสร้างพื้นฐานนี้ไปเชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิต ไปเชื่อมโยงกับความอบอุ่นของครอบครัว ไปเชื่อมโยงกับความสุขของคนไทย และที่สำคัญคือไปเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นนี้ที่จะวางอนาคตให้กับลูกหลานของเราในอนาคตอีก 7 ปี ว่าลูกหลานของเรานั้น จะมีสิ่งที่ดีขึ้นมาอย่างไร สิ่งนี้ที่เราเชื่อว่า จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการที่เราจะพูดกันถึงอนาคต ด้วยการจับต้องได้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานนี้ เพื่อที่จะพูดว่าเราทุกคนจะได้ร่วมกันในการสร้างประวัติศาสตร์ และสร้างอนาคตประเทศไทยของปี 2020

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงอนาคตไทย 2020 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ก่อนหน้านี้ โฆษกรัฐบาลแถลงข่าวแจ้งสื่อมวลชน ว่านายกรัฐมนตรี จะแถลงข่าวเปิดใจครั้งใหญ่ ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 2 ล้านล้านบาท ทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักต่างเฝ้าจับตา ประเด็นใหม่ๆ ในการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ถึงวัตถุประสงค์ของรัฐบาล ในการลงทุนงบมหาศาล เพื่อสร้างอนาคตประเทศ แต่ปรากฏว่าการแถลงข่าวเปิดใจดังกล่าว นายกฯ ได้ใช้เวลาแถลง โดยยืนอ่านเอกสารประกอบ ประมาณ 30 นาที ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ล้วนแต่เคยพูดผ่านสื่อมาแล้ว ทำให้สื่อต่างวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นไม่แตกต่างจากที่เคยนายกฯเคยพูดมา ที่สำคัญไม่คุ้มกับการลงทุนถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ช่อง 9 รวมถึงการจ้างบริษัทมาจัดงานแถลงข่าวดังกล่าวอย่างเอิกเกริก





กำลังโหลดความคิดเห็น