เกาะกระแส
00 ผ่านไปแป๊บเดียวเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กย.49 มาถึงวันนี้ครบรอบ 7 ปีเข้าไปแล้ว เป็น 7 ปีที่ทำให้บ้านเมืองต้องเสียหายย่อยยับกับ "ต้นทุน"ที่เสียไปกับ การรัฐประหารที่"เสียของ"ที่คนทำรัฐประหารทำไปเพื่อ "ผลประโยชน์ส่วนตัว"นั่นคือ "สนธิบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน กลัว ทักษิณ ชินวัตร ปลดพ้นเก้าอี้ ผบ.ทบ.จึงชิงลงมือยึดอำนาจเสียก่อน เพราะแทนที่จะทำตาม 5 เหตุผลที่อ้าง ทั้งในเรื่องการทุจริต เผด็จการรัฐสภา แทรกแซงองค์กรอิสระ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พอได้อำนาจกลับไม่ได้จัดการอย่างจริงจัง มิหนำซ้าในปัจจุบันยังกลับไปปรองดองไป เป็นเครื่องมือรับใช้ "คนชั่ว"ที่ตัวเองเคยอ้างเพื่อโค่นเขาเสียอีก คนแบบนี้นอกจากคบไม่ได้แล้ว เจอหน้าที่ไหนน่าจะถ่มน้ำลายรดหน้าเสียจริงๆ เพราะนี่คือตัวการที่ทำลายบ้านเมืองที่สำคัญอีกคนหนึ่ง
00 ในวันนั้นถ้าสวมวิญญาณความกล้าหาญ ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จที่มีอยู่เปลี่ยนแปลงรื้อโครงสร้างใหม่เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ทำ อย่างไรก็ดีมันก็อย่างว่าแหละในเมื่อเหตุผลที่ลงมือเพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว มันจะไปคาดหวังอะไรกัน เพียงแต่ว่ามันเสียดายต้นทุนของบ้านเมืองที่ต้องสูญเสียไปกับ "ทหารห่วยแตก"ที่ยึดอำนาจแบบ "หน่อมแน้ม-เสียของ" จนสร้างความปั่นป่วนมาจนถึงทุกวันนี้ ทุด !!
00 เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนในสภาเพื่อผ่านร่าง "กม.โคตรกู้" 2 ล้านล้านบาท กู้ชาตินี้ชดใช้กันชั่วลูกชั่วหลานก็ไม่หมด จาก 2 ล้านล้านรวมดอกเบี้ยเพิ่มพรวดขึ้นเป็น 5 ล้านล้านบาท แถมยังไม่มีรายละเอียดว่าจะนำเงินใช้จ่ายแบบไหน มีแต่คำยืนยันว่า "โปร่งใส"ตรวจสอบได้ ว่าจะมีรถไฟความเร็วสูงเอาไว้ขนผัก มีรถไฟรางคู่ ก่อสร้างสารพัด ที่ผ่านมาก็พูดแบบนี้ทุกที แต่เอาเข้าจริงนี่มัน "กู้มาโกง"กันชัดๆนี่หว่า และจะว่าไปแล้ว รัฐบาล"ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ" วาดหวังเอากับเงินกู้ก้อนใหญ่นี่แหละ และที่ไม่มีรายละเอียดให้ติดตามมากนักส่วนหนึ่งว่ากันว่าต้องการ "นำเงินมาหมุน" นำมาโป๊ะโครงการที่กำลังช็อตจนหน้ามืดในเวลานี้นั่นแหละ
00 คาดเดากันไว้ล่วงหน้าว่าคนที่ต้องรับหน้าเสื่อชี้แจงแทนทุกเรื่องก็ต้องเป็น รองนายกฯและรมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง และรมว.คมนาคม ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นั่นแหละ ส่วนนายกฯยิ่งลักษณ์ คนสวยก็คงต้องทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ หย่อนก้นในสภาสัก 10-20 นาที ก็ต้องวิ่งรอกไปทำธุระไปโน่นมานี่ให้เห็นว่าไม่มีเวลาเลยจริงๆ ค่าา !!
00 แน่นอนว่าเส้นทางในสภางผ่านฉลุย ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่นอกสภาโดยเฉพาะด่านองค์กรอิสระนี่สิส่อมีปัญหาแน่ เพราะมีการจองกฐินร้องศาลรธน.ดีกเอาไว้แล้ว และงานนี้มีสิทธิพังเสียด้วยสิ และที่สำคัญ กม.ฉบับนี้เป็นกม.การเงินถ้าเกิดอุบัติเหตุ "แบบตั้งใจ"แบบนี้ คนที่เป็นนายกฯต้องรับผิดชอบ ส่วนจะออกมาแบบไหนบรรดากุนซือทั้งหลายโดยเฉพาะพี่ชายตัวดีคงจะมีวิธีการให้ตัดสินใจ แหละน่า
00 เห็นทีจะจบยากเสียแล้วกับการชุมนุมของพี่น้องชาวสวนยางแลดปาล์มที่ปักหลักอยู่ที่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีฯ เพราะการที่ฝ่ายรัฐบาลชี้หน้าว่านี่คือ "ม็อบการเมือง"จ้องล้มกู จะไม่สนใจไปเจรจา รวมไปถึงใช้วิธีให้เวลาทอดนานไปเพื่อให้กดดันผู้ชุมนุเอง นั้นไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ผลหรือเปล่า เพราะเวลานี้ฝ่ายชาวบ้านเขาก็เริ่มปรับตัวกันใหม่ ตอนเช้ากลับไปกรีดยาง ตอนเย็นค่อยหมุนเวรยนสับเปลี่ยนกันมา และในท้ายที่สุดรัฐบาลนั่นแหละจะแย่ ถึงอย่างไรจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ต้องมีความจริงใจในการเจรจาหาทางช่วยเหลือให้ดีที่สุด ไม่ใช่ใช้วิชามาร ใข้อำนาจรัฐเข้าไปข่มขู่อย่างที่เป็นอยู่เพราะมันไม่มีทางได้ผล และจะบานปลายออกไปเรื่อยๆ
00 ได้เห็นไอเดียของ "อำมาตย์ไพร่" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ที่บอกว่าจะช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีลดต้นทุน โดยจะประสานกับกรมราชทัณฑ์ให้มีการใช้แรงงานจากผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดี เหมือนกับที่กทม.จ้างมาล้างท่อนั่นแหละ นัยหนึ่งก็ยังเป็นการช่วยฝึกทักษะเตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษ ฟังเผินๆก็เคลิ้ม แต่อีกมุมหนึ่งนี่มันสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลตัวเอง "นายตัวเอง"ว่าสาเหตุที่ธุรกิจเอสเอ็มอีอ่วม หรือเจ๊งกันระนาวในเวลานี้ก็เป็นเพราะนโยบายประชานิยมของตัวเอง นั่นคือแบกรับภาระค่าแรงวันละ 300 บาทเหมือนกันทั่วประเทศไม่ไหว รวมไปถึงค่าพลังงานแพง ค่าแก๊ซแพง ค่าวัตถุดิบแพง ที่"แพงทั้งแผ่นดิน" อย่างที่เคยประดิษฐ์คำพูดกล่าวหาคนอื่นนั่นแหละ บางครั้งการ"บริหารงานด้วยปาก"มันเป็นอย่างนี้นี่เอง และนี่คือการ "โชว์ห่วย"อีกรอบ นั่นแหละ !!