เกาะกระแส
00 วันนี้ (19 กย.56) เป็นวันครบรอบ 7 ปี ที่ คมช.นำโดย "สนธิบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก่อการรัฐประหาร ล้มรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เป็น 7 ปีที่สูญเปล่า มิหนำซ้ำยังทำร้ายบ้านเมืองให้ย่อยยับป่นปี้ เพราะนอกจาก "เสียของ" เนื่องจากไม่ได้ "จัดการ"ตามข้ออ้างในการทำรัฐประหารแล้ว ตัวหัวหน้าก่อการกลับหันหลังกลับไปสวามิภักดิ์ต่อ "ระบอบทักษิณ" ทรยศต่อตัวเอง และยังเดินเข้าสู่การเมืองอันสามานย์ กลายเป็น "ยี่เก" ที่น่าสมเพชจนตลกขบขัน
00 อาจเป็นเพราะคนพวกนี้มัน"น้ำเน่า" ต้มตุ๋นชาวบ้านจนเป็นเรื่องปกติมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่า ในวันนี้กลายเป็นชาวบ้านที่ "ตื่นรู้" และรู้ทันมากขึ้นกว่าเดิมทำให้ได้เห็นพวก "ทหารการเมือง" พวกนักการเมืองน้ำเน่า ได้อย่างหมดเปลือก ทำให้รู้สึกรังเกียจขยะแขยงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าบอกว่า 7 ปีของการครบรอบการรัฐประหาร 19 กย.มันน่าจะเป็นการก่นด่าพวกที่เห็นแก่ตัวพวกนี้ไม่ให้มีที่ยืนในสังคมได้อีกต่อไป
00 วันนี้(19-20 กย.) เช่นเดียวกัน ที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข็ญร่างพรบ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเข้าสภา อาจเป็นเพราะนี่คือความหวังสุดท้าย ทั้งเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจเฮือกสุดท้าย การผลักดันโปรเจ็กต์ยักษณ์ สารพัดโครงการ ที่รออยู่ และที่สำคัญผลที่ตามมาก็คือ "เงินทอน" ที่รวมแล้วมหาศาลที่จะต้องเข้ากระเป๋าคนในรัฐบาลกันตามลำดับจะได้รวยกันอู้ฟู่ตังแต่ "ต้นน้ำยันปลายน้ำ"คราวนี้แหละ เมื่อวาระสำคัญขนาดนี้ อย่าได้แปลกใจที่ นายกฯปู ถึงได้กัดฟันยอมเลื่อนประชุมครม.สัญจรที่ลพบุรี ยอมบากหน้าเดินเข้าสภาฟังฝ่ายค้านโขกสับไปเรื่อยเปื่อย เพราะทุกคำถามไม่คำตอบ เพราะโยนให้แต่ละคนชี้แจงแบบบูรณาการเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนอยู่รมต.ที่ซอยเท้ารับหน้าชี้แจงเป็นหลักก็ต้องเป็น รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ว่ากู้ชาตินี้"ใช้ไปถึงชาติหน้า"อย่างไรบ้าง รวมทั้ง รมว.คมนาคม ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เรื่องโครงการก่อสร้างระบบรางในอนาคต ที่หลายคนเริ่มสงสัยกันแล้วว่าไอ้ที่รถไฟตกรางกันถี่ยิบเป็นเพราะสร้างกระแสกดดันให้ต้องรีบเทงบก่อสร้างปร้บปรุงกันขนานใหญ่หรือไม่ แต่อีกมุมหนึ่งหากอุบัติเหตุซ้ำซากแบบนี้มันสมควรที่ต่องมีคนรับผิดชอบด้วยการลาออกบ้างหรือไม่ อย่างเช่น ผู้ว่าฯรถไฟ อย่าง ประภัสร์ จงสงวน หรือแม้แต่ รมว.คมนาคมด้วยก็เถอะ พูดไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก !!
00 ในที่สุดรัฐบาลก็ใช้มุกใหม่โดยโร่ไปขอความช่วยเหลือจาก สส.ปชป. ให้ช่วยเจรจากับม็อบสวนยางพาราที่"แยกควนหนองหงส์" จ.นครศรีธรรมราช ให้ยอมรับเงื่อนไขในเรื่องปุ๋ยไร่ละ 2520 บาท และเลิกการชุมนุม โดยเป้าหมายในเบื้องต้นเท่าที่ทราบก็มี ถาวร เสนเนียม สส.สงขลา ที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยกล่าวหาเป็นนักการเมือง "ถ."ที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนที่เหลือไม่ชัดเจนว่าจะเป็นใคร จะเป็น ส.สุเทพ เทือกสุบรรณ รวมทั้ง นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สส.พัทลุง และ วิทยา แก้วภราดัย สส.นครศรีฯ หรือเปล่าไม่แน่ชัด แต่ความหมายก็คือเป็น "เกมการเมือง"จากฝ่ายรัฐบาล ที่ในที่สุดจะมีการขอความช่วยเหลือหรือเจรจากันหรือไม่ แต่สื่อให้เห็นว่า เรื่องม็อบสวนยางทางใต้ต้องคุยกับคนพวกนี้ สร้างภาพให้คนทั้งประเทศได้เห็น ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ไม่มีสำเร็จ หากรัฐบาลไม่ส่งตัวแทนที่มีอำนาจจริงลงไปเจรจากับชาวบ้านตามข้อเรียกร้อง เพราะคนพวกนี้อาจจะเป็น สส.ในพื้นที่จริง แต่รับรองว่าสั่งชาวบ้านไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่ใช่ "ขี้ข้า" ไม่เชื่อก็ลองดูกันก็ได้
00 นาทีนี้ดูเหมือนรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ กำลังเจอศึกรอบด้าน และไม่มีศึกไหนที่ทำให้สั่นคลอนความเชื่อมั่นมากที่สุดได้เท่ากับเรื่อง "ของแพง" และปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า เพราะสิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ อ้างว่าสินค้าอย่างอื่นไม่แพง มีแพงอย่างเดียวคือไข่ ดูแล้วมันท่าจะเพี้ยน ไม่รู้บิดเบือนหรือคิดว่าชาวบ้านเขาโง่ไปถึงไหน เพราะถ้าไปแหกตาดูตามร้านอาหารตามสั่ง ที่ติดป้ายขึ้นราคา 5-10 บาท รวมไปถึงสินค้าอุปโภคอื่นๆขึ้นราคากันไปพรวดพราด ยิ่งพูดเหมือนกับยิ่งยั่วโมโห เพราะมีนักการเมืองห่วยๆแบบนี้ถึงทำให้บ้านเมืองฉิบหายกันไปหมด ทุด !!