“ประพันธ์” ย้ำ “ทักษิณ” ทำชาติเสียหายหนักยิ่งกว่ารัฐประหาร 19 ก.ย. ซัดนักโทษชายเป็นโรคจิต มีความมักใหญ่ใฝ่สูงอยู่ในดีเอ็นเอ ชี้กระแสปฏิรูปประเทศเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนมาก แนะคณะปฏิรูปฯ ภาคประชาชนเดินหน้าปลุกพลังมวลชน กำหนดแนวทาง-เป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ต้องเดินสายเสวนาแล้ว เพราะเสียเวลาต้องนับหนึ่งใหม่ ด้าน “พิภพ” ให้ประชาชนถามตัวเอง พร้อมจะอยู่ภายใต้การปกครองแบบนี้ต่อไปหรือ
วันที่ 19 ก.ย. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายประพันธ์กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2516 มาจนถึงปัจจุบัน คนที่ทำความเสียหายให้ประเทศมากที่สุดไม่ใช่ทหาร แต่คือพรรคการเมืองนายทุน ฝ่ายทักษิณพยายามบอกประชาชนว่าประเทศถอยหลังเพราะรัฐประหาร 19 ก.ย. แต่ตรงกันข้าม 19 ก.ย. มีบทบาทเพียงแค่ระยะสั้นๆ เลือกตั้งใหม่พรรคของทักษิณก็กลับมาใหม่ ทำได้เพียงหยุดอำนาจทักษิณไว้ชั่วคราว
ความเสียหายของประเทศไม่ได้เกิดจากการรัฐประหาร ตั้งแต่ปี 2549 มาจนถึง 2551 ไม่มีประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ไม่มีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ไม่มีการทุจริตใหญ่ๆ แต่พอมาหลังยุคนายสมัครเป็นต้นมา คนที่ก่อความเสียหายมากสุดคือพลพรรคของทักษิณเอง เกิดจากพรรคการเมืองที่ต้องการกลับมามีอำนาจ สร้างความเสียหายหนักยิ่งกว่าาการปฏิวัติ 2549
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า การปฏิรูปประเทศมันไม่สามารถเกิดได้เลยในระบบสังคมปัจจุบัน จะหวังทหารเป็นผู้นำแบบต่างประเทศก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ทหารไทยทำได้แค่นี้ หวังพึ่งพรรคการเมืองก็ยิ่งจบเลย ไม่มีพรรคไหนทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง แค่อยากผลัดกันขึ้นมามีอำนาจ
ฉะนั้น ประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศ ต้องรวมตัวกันและช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร ตนเชื่อว่าพลังประชาชนเท่านั้นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่พลังประชาชนต้องนำไปสู่การต่อสู้กับนักการเมืองที่มีอำนาจอยู่ เพราะพวกนั้นเขาไม่ต้องการปฏิรูป ไม่ยอมเสียประโยชน์ ทำได้เพียงเล่นละครว่าต้องการเปลี่ยนแปลงแต่จริงๆแล้วกลับทำตรงกันข้าม
ตอนนี้ภาคประชาชนพยายามรวมตัวกัน มีการเปิดตัวคณะปฏิรูปประเทศกลุ่มต่างๆ ซึ่งก็มีบทเรียนแล้วว่าถ้าไม่สู้กับอำนาจเก่าก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ถ้าสภาปฏิรูปประเทศไทยต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีเป้าหมาย แนวทาง และรูปแบบการต่อสู้ที่ชัดเจน แต่ถ้าใช้วิธีเปิดแต่เวทีเสวนาเหมือนที่พันธมิตรฯทำมาแล้ว ไม่เกิดพลัง จะเป็นการนับหนึ่งใหม่
ที่สำคัญต้องมีผู้นำในการปฏิรูปที่มองเห็นปัญหาทะลุ สามารถถอดบทเรียนจากอดีต กำหนดได้ว่าจะสู้ครั้งต่อไปด้วยรูปแบบไหน แล้วจะเสนอพิมพ์เขียวประเทศอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจง่าย และจะหยุดอำนาจระบอบการเมืองนี้ได้ด้วยวิธีไหน ต้องเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ มีประสบการณ์ ใสสะอาด ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝง ซึ่งในความเห็นตนคนที่เหมาะสมสุดคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คนอื่นยังมองไม่เห็น
กระแสเรื่องการปฏิรูปประเทศเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนและสำคัญอย่างยิ่ง แต่ต้องมีภาพชัดเจน ใครจะเป็นผู้นำ เป้าหมายนำไปสู่อะไร ตนว่าไม่ควรนับหนึ่งใหม่ เพราะการเดินสายของพันธมิตรฯ การศึกษาของคณะทำงานปฏิรูปชุดนายอานันท์ นายคณิต และ นพ.ประเวศ ก็สามารถนำมาออกแบบเป็นพิมพ์เขียวของประเทศได้แล้ว ขอแค่รวมพลังประชาชนให้ได้ กดดันนักการเมืองให้เดินตามข้อเรียกร้องประชาชน ทำแบบนี้ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ ถ้าคณะปฏิรูปมีแนวทางการต่อสู้ชัดเจน ตนเชื่อว่าประชาชนตามแน่
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า นายทักษิณมีความมักใหญ่ใฝ่สูงอยู่ในดีเอ็นเอ เป็นโรคจิต และเป็นอย่างนี้ทั้งตระกูล นี่เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด ไม่เคยเจอมนุษย์คนไหนที่กระหายอยากได้สมบัติแผ่นดินมาเป็นของตัวเองมากขนาดนี้ ความเสียหายของประเทศไม่ได้เกิดจากการที่ประชาชนเพิกเฉย แต่เพราะอำนาจการเมืองกลุ่มนี้มันวิปริต ไม่เหมือนคนธรรมดา คนปกติเอาขนาดนี้ต้องรู้จักพอแล้ว แต่นี่ไม่รู้จักพอ แล้วยังจะให้คนอื่นยอมรับการกระทำของตัวเอง ที่บ้านเมืองที่เสียหายสรุปสาเหตุไม่ได้มาจากใครอื่นเลย ถ้าไม่มี 19 ก.ย. บ้านเมืองเสียหายยิ่งกว่านี้อีก
นายพิภพกล่าวทิ้งท้ายว่า ประชาชนต้องถามตัวเองว่าพร้อมจะอยู่ภายใต้อำนาจนี้ต่อไปไหม นี่ น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกจะอยู่อีก 2 ปี แล้วตัวแทนของนายทักษิณจะอยู่อีก 4 ปี หากกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ว.ทำสำเร็จจะเกิดการรวมศูนย์ขนาดใหญ่ การปฏิรูปประเทศ ประชาชนต้องรวมตัวกันแสวงหาผู้นำจากตัวเอง และผู้นำกลุ่ม เนื้อหาไม่ต้องพูดถึง ก้าวสู้ขั้นที่ 5-6 ได้แล้ว คำตอบอยู่ที่ประชาชนเอง