“สุริยะใส” ยันสภาปฏิรูปภาคประชาชนที่จะเปิดตัว 15 ก.ย.นี้ ไม่เกี่ยวข้องพรรคประชาธิปัตย์ หนุนให้เกิดกลุ่มปฏิรูปที่หลากหลาย เชื่อประชาชนอึดอัดเต็มทน เป็นเวลาเหมาะที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ ลั่นทุกคนต้องพร้อมใจกันออกมาเอง ไม่ต้องรอใครเป่านกหวีด ด้าน “พิภพ” แนะทุกเวทีปฏิรูปต้องอย่าทิ้งประเด็นเปิดโปงทักษิณ ไม่เช่นนั้นล้มเหลวแน่
วันที่ 4 ก.ย. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และนายพิภพ ธงไชย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายสุริยะใสกล่าวถึงสภาปฏิรูปภาคประชาชนที่จะเปิดตัวในวันที่ 15 ก.ย.นี้ว่า ความจริงจะยังไม่เผยรายละเอียด แต่เกิดความสับสนว่าเชื่อมโยงกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งความจริงแล้วไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง แต่เน้นองค์กรภาคประชาชนในขอบข่ายให้กว้างที่สุด เพื่อผลักดันการปฏิรูปอย่างจริงจัง ไม่มีแนวกดดันทางการเมืองเหมือนพันธมิตรฯ แต่เน้นเคลื่อนไหวทางปัญญา ลงพื้นที่ดูชุมชนท้องถิ่น
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า มีการถามหาผู้นำในการปฏิรูป ซึ่งหลายปีที่ผ่านมานี้เป็นช่วงขาลงของลัทธิการนำ ซึ่งผู้ตามมีบทบาทมากขึ้น เพราะผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตอนนี้ไม่มีใครไม่ถูกวิจารณ์ ทุกคนถูกผลักไปอยู่สีโน้นสีนี้หมด เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตผู้นำ ฉะนั้นการสร้างเวทีปฏิรูปต้องสร้างจากคนหมู่มาก ทุกคนต้องเดินออกจากบ้าน เหมือนกับการเกิดรัฐธรรมนูญปี 40 ตอนนั้นภาคประชาชนมีพลังมากเพราะประชาสังคมเห็นพ้องต้องกันว่าต้องปฏิรูป โดยที่ไม่มีใครถือธงมาเดินนำ แต่เกิดจากการตื่นตัวทางสังคม ผู้ตามต้องกล้าเป็นผู้นำเอง ไม่ต้องรอใครเป่านกหวีดเพราะไม่ไม่รู้ต้องรออีกกี่ชาติ
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนกล่าวด้วยว่า โดยพื้นฐานไม่เชื่ออยู่แล้วว่าการปฏิรูปจะเกิดจากนักการเมือง ฉะนั้นการเกิดกลุ่มประชาชนเพื่อการปฏิรูปหลายๆ กลุ่มเป็นสัญญาณที่ดี เพราะไม่ว่ากลุ่มไหนเป้าหมายคงหนีไม่พ้นกัน เนื่องจากทุกคนเห็นถึงระบอบการเมืองที่ล้มเหลว มีหลายกลุ่มยิ่งดี แล้วกระแสประชาธิปไตยกำลังมาด้วย ภาคประชาชนกำลังอึดอัด บางทีเวลาอาจเข้าทางเรา เข้าทางประชาชน
ด้านนายพิภพกล่าวว่า เวทีปฏิรูปต้องไม่ลืมประเด็นทักษิณ การเปิดโปงต้องดำเนินไปพร้อมๆ กัน หากเวทีปฏิรูปไหนทิ้งประเด็นทักษิณ ตนเชื่อว่าเวทีนั้นล้มเหลว
เดิมทีรัฐบาลกะเอาสภาปฏิรูปของนายบรรหารเป็นของเล่น แต่วันนี้ไม่ได้แล้ว เพราะการบริหารของรัฐบาลทำเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า นโยบายประชานิยมไปไม่ได้แล้ว ฉะนั้นต้องหาทางออกให้ประเทศไทย จะทำกันเล่นๆ ไม่ได้ รัฐบาลจะหมดอายุในอีก 2 ปี ถ้าภาคประชาชนเข้มแข็งในการเคลื่อนไหว สามารถประสานคนทุกกลุ่มรวมถึงคนเสื้อแดงด้วย การปฏิรูปจะกลายเป็นนโยบายของทุกรัฐบาลที่ต้องทำ แล้วถ้ารัฐธรรมนูญขัดต่อเนื้อหาการปฏิรูปก็ต้องมีการแก้เพื่อตอบโจทย์ ฉะนั้นอีก 2 ปีการหาเสียงที่แข่งกันทำประชานิยมก็ไปไม่ได้แล้ว น่าสนใจว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ โดยไม่ต้องใช้การรัฐประหาร
นายพิภพกล่าวทิ้งท้ายว่า เนื้อหาการปฏิรูป ควรเอาพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เอางานศึกษาของนายอานันท์ และหมอประเวศ เอาข้อเสนอของพันธมิตรฯ รวมถึงภาคประชาชนกลุ่มอื่นๆ หน้าที่ของสภาปฏิรูปต้องเอาเนื้อหาเหล่านี้มาร้อยเรียง เหมือนกับตอนรัฐธรรมนูญปี 40 ที่ไม่ต้องมีใครนำว่าต้องเอาอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เอาประเด็นที่เห็นพ้องต้องกันเป็นตัวนำ นอกจากนี้ตนอยากให้เกิดสภาปฏิรูประดับจังหวัด เพื่อขนานไปกับระดับประเทศ แล้วเนื้อหามันจะส่งต่อกัน