รายงานการเมือง
คำถามดังขึ้นทุกวัน ถึงการบริหารงานรัฐบาลภายใต้การนำของ “ปูกรรเชียง” ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกฯ และรมว.กลาโหม ตอบโจทย์อะไรให้กับประเทศบ้าง เพราะสองปีแล้วแทบคลำหาอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันอะไรไม่ได้สักอย่าง
ปัญหาชาติวันนี้ระทมกันถ้วนหน้า “ผีอีแพง” หลอกหลอนประชาชนทั่วทุกระแหง มีแต่กองเชียร์บางกลุ่ม เช่นคนเสื้อแดงที่ยังโง่งมเลอะเลือนก้มหน้าก้มตาสนับสนุนการบริหารงาน ทั้งๆ ที่ตัวเองกระเป๋าแห้งกระเป๋าฉีกไม่มีอันจะกิน ก็ยังจะรักยังจะหลง
หลอกตัวเองว่าไม่เดือดร้อนอะไร นายกฯ ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ดูมันซิ...จะหน้ามืดตามัวไปได้สักกี่น้ำ
ความทุกข์ยากของประชาชนวันนี้แผ่ซ่านกันตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงระดับมีอันจะกินข้าวของแพงระยับชนิดชาวบ้านชาวช่องต้องกล้ำกลืนควักกระเป๋าตังค์ซื้อของกันแบบจำใจไข่ไก่ยุคยิ่งลักษณ์แพงเป็นประวัติการณ์ ผัดกะเพราราดข้าวถ้าพ่วงไข่ดาวหนึ่งจาานราคาวันนี้แตะครึ่งร้อย ร้านข้าวราดแกงแห่ขึ้นราคากันระนาว เพราะทนพิษต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว
กระทรวงพาณิชย์ได้แต่ขู่ฟ่อ แต่ไม่มีน้ำยาจะลงโทษลงทัณฑ์อะไรได้เลย
ยิ่ง “ปูกรรเชียง” ไม่ต้องพูดถึงคิดอะไรไม่ออกก็บอกคิดไปเอง
ราคาก๊าซแอลพีจีที่ยิ่งลักษณ์คนนี้ กับยิ่งลักษณ์ตอนหาเสียงเลือกตั้งสัญญาเอาไว้จะกระชากลงให้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว วันนี้ทำให้แล้ว ไม่มีบิดพลิ้ว เพียงแต่ไม่ได้กระชากลงแต่เป็นกระชากขึ้นให้สูงเอาๆ วันนี้หันไปทางไหน ถ้าใครไม่โกหกตัวเองก็ต้องบอกว่านี่มัน “ยุคแพงทั้งแผ่นดิน” ชัดๆ
ส่วนชีวิตเกษตรกรที่เคยยาหอมจะช่วยเหลืออย่างสุดกำลังวันนี้ไม่ว่าภาคส่วนไหนเดือดร้อนกันระเนระนาด เริ่มตั้งแต่ราคายางพารา ที่มี “ไพร่กลายพันธุ์” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมัยนั่งเก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เคยคุยโวโอ้อวดเอาไว้จะดันราคาให้ไกลไปถึงกิโลกรัมละ 120 บาท แต่พอวันนี้ชาวสวนยางออกมาเรียกร้องราคาดังกล่าวไพร่คนเดิมบอกเป็นไปไม่ได้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง!!
แทนที่จะหามาตรการช่วยเหลือให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดแต่เอะอะอะไรก็โทษเป็นม็อบการเมือง เป็นม็อบนายทุนเสียประโยชน์ใส่ร้ายป้ายสีให้ผู้ชุมนุม แล้วก็ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงใต้อุ้งเท้าสนองตอบคำเรียกร้องเกษตรกรด้วยแก๊สน้ำตาโล่ กระบอง และปืนไปให้แบบจัดเต็ม จนเสียงสะอื้นกึกก้องไปทั่วดินแดนด้ามขวาน
ด้านโครงการรับจำนำข้าวที่ให้ชาวนาลิ้มลองจนวันนี้ติดกันระงมเลิกขาดไม่ได้ พอปัจจุบันเกิดสภาวะ “เจ๊งทูเจ๊ง” ไม่มีเงินจะให้ผลาญ ก็ไปลดราคาและจำกัดปริมาณมันเสียอย่างนั้นครั้นชาวนาขู่จะปิดถนนเรียกร้องให้ขยายเวลา ก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไขให้ได้แต่นั่งเจรจาแถไปแถมาให้คนอื่นคล้อยตาม
แต่กระนั้นหากเป็นงานที่แอบแฝงไปด้วยผลประโยชน์ตัวเอง “นาวายิ่งลักษณ์” ภายใต้การกำกับดูแลของ นช.แม้วทักษิณ ชินวัตร ก็ใส่เกียร์หมาเดินหน้าแบบไม่ยั้งตีนต่อให้ต้องใช้วิชามารและความอุบาทว์แค่ไหน คำเดียวให้บอกมาดันกันไม่มีหยุดพักหากใครเบรกใครทัก พวกมันคือศัตรู
ดูอย่างการแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ขนาดบ้านเมืองตกทุกข์ได้ยาก โจรโต้ระเบิดตู้มๆ รายวัน นายทหาร-นายตำรวจตายกันวันละไม่รู้ต่อกี่ศพ ม็อบยางปิดถนนเรียกร้องส่งผลกระทบกันหลายด้าน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยสะกิดต่อมสามัญสำนึกคนในองคาพยพของรัฐบาลให้หยุดการกระทำชำเรารัฐธรรมนูญได้เลย
ตรงข้ามกัน กลับยังดันทุรังอภิปรายกันข้ามวันข้ามคืนชนิดมาราธอนไม่ได้หลับได้นอน หมางเมินความทุกข์พี่น้องแถมเวลาฝ่ายค้านพูดมากวกวนซ้ำซากก็อาศัยเผด็จการเสียงข้างมากปิดปากเสนอญัตติปิดอภิปรายมันหน้าด้านๆ ไปเลยในที่สุดก็หอบหิ้วผ่านวาระ 2 กันไปได้ แถมวางแผนวางหมากจะโหวตวาระ 3 งัดข้อกับฝ่ายตุลาการอย่างศาลรัฐธรรมนูญด้วยหากวินิจฉัยออกมาเป็นลบกับพวกตัวเอง
กระทั่งล่าสุดในคิวพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังในการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้านบาท หรือ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่อ้างว่าทำเพื่อพัฒนาการคมนาคมขนส่งของประเทศ แต่พิจารณาไส้ในแอบแฝงไปด้วยผลประโยชน์ของตัวเองล้วนๆ
เพราะ พ.ร.บ.นี้ ไม่ต่างอะไรจาก พ.ร.บ.เสบียงกรังที่กักตุนไว้รับประทานได้แสนนาน!!
วันนี้เรียกว่าทำเพื่อตัวเองล้วนๆ แม้จะมีข้ออ้างสวยหรูต้องเร่งผลักดันไม่เช่นนั้นประเทศจะอยู่กับที่ตามหลังนานาอารยประเทศอื่นเขาไม่ทันเรื่อยไปจนเหตุการณ์รถไฟตกรางรายวัน ที่หลายๆ ฝ่ายเริ่มตั้งสังเกตว่าเป็นแผนการหนึ่งในการสร้างความชอบธรรมเพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ.กู้ชาตินี้ใช้หนี้ชาติหน้าหรือไม่
แต่อันที่จริงที่เร่งผลักดัน เพราะต้องการปิดจ๊อบเร็วๆเพราะหลังจากนี้สถานการณ์การเมืองจะลูกผีลูกคนอย่างไรก็ไม่รู้ อย่างน้อยๆต้องรีบแสตนด์บายให้พร้อมตลอดเวลา เผื่อไปไม่รอดจะได้กดรีเซตเริ่มต้นกันใหม่
ฝ่าย “ปูกรรเชียง” ตอนแรกทำท่าจะชิ่งหนีร่างแหที่จะทำให้ต้องพัวพันด้วยโดยการตีกรรเชียงไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร นครรัฐละโว้ ลพบุรีเมืองลิง แต่พอถูกรบเร้าโจมตีว่าไม่ให้ความสำคัญกับกฎหมายที่จะทำให้ประชาชนเป็นหนี้ครึ่งศตวรรษ ก็ทำเป็นอ้างว่าต้องมาทุ่มสมาธิ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงหนีไม่ออกเพราะขืนลอยตัวอีกพวกจะได้ประณามเข้าให้
กระนั้นก็ตาม เมื่อกรรเชียงไปไหนไม่ได้ ทีนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเพราะต้องอย่าลืมว่า “ปูกรรเชียง” กับร่าง พ.ร.บ.เสบียงกรังฉบับนี้มันมีแผลลึกอยู่โดยเฉพาะเมื่อครั้งปล่อยไก่สร้างรถไฟเอาไปขนผัก ดังนั้น หากจะพูดจะทักอะไรบนฟลอร์ย่อมเกิดอาการหวาดผวาเป็นแน่
ยิ่งช่วงนี้มีกระแส “อีโง่ฟีเวอร์”กำลังรุกเร้าใส่ พ่วงด้วยฉากปล่อยไก่ “นครรัฐอิตาลี” ตัวเบ้อเร่อจนความมั่นอกมั่นใจที่ไม่มีอยู่แล้วหายเกลี้ยงเข้าไปใหญ่
งานนี้เลยเชื่อขนมกิน “ค่ายสีฟ้า” เล่นจิตวิทยายั่วประสาทงัดปากให้พูดเข้าตีนจนได้ แต่ก็อยู่ที่ “ปูกรรเชียง” จะกล้าเป็นหมูท้าเขียงหรือเปล่า
เรื่องนี้ตามสคริปต์ไฟต์บังคับเข้าสภาเป็นอาการจวนตัวของนายกฯสมองกลวง ที่กระโดดหนีไปไหนไม่ได้ จะชิ่งจะวิ่งก็ติดก็ตันเพราะกฎหมายโคตรกู้เป็นดังหัวใจในการขับเคลื่อน
ฉะนั้น ดูเอากฎหมายฉบับนี้มีความหมายขนาดไหนกับรัฐบาลให้ดูคนชอบหนีสภาอย่าง “ปูกรรเชียง” เอาก็แล้วกันขนาดกลัวเวทีขนาดไหนยังต้องกลั้นใจเข้า
นี่ถ้าไม่ใช่กฎหมายเสบียงกรังที่ทำเพื่อตัวเองอย่าหวังจะได้เห็นหล่อนเลยนะ!!