ผ่าประเด็นร้อน
จะเรียกว่าเส้นทางเริ่มแคบ เป็นไฟต์บังคับต้องลุยถั่วเดินหน้าเสี่ยงไปเรื่อยๆ เหมือนกับว่า “มีโอกาสครั้งนี้ครั้งเดียว” พ้นจากนี้ไป หรือมัวรีรอทุกอย่างก็จะริบหรี่ เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเมื่อยังมีช่องทางก็ต้องเดินหน้ากันให้ “สุดซอย” แบบไม่มียั้ง แบบว่าพังกันครั้งเดียว วัดดวงกันไปเลย เพราะหากพิจารณาจากแต่ละเรื่องทั้งในและนอกสภา ดูเผินๆ เหมือนว่ากำลังเดินไปได้สวย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่หมู บั้นปลายล้วนมีความเสี่ยงพังพาบทั้งสิ้น ที่สำคัญดูเหมือนว่ายิ่งเดินไปข้างหน้าก็ยิ่งถลำลึก จะกลับลำถอนตัวก็ลำบาก
สิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังเดินหน้าเต็มตัวแบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงกันก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เริ่มเปิดฉากจากการแก้ไขในเรื่องที่มาของ ส.ว.ที่ตัดทิ้ง สว.สรรหา ให้เหลือเฉพาะ ส.ว.เลือกตั้ง ก็ถูกมองว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของประธานวุฒิสภา นิคม ไวรัชพานิช ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่าเป็นการ “ขัดกันแห่งผลประโยชน์” ในลักษณะ “ชงเอง เพื่อหวังกินเอง” รวมไปถึงการทำผิดข้อบังคับในเรื่องการรวบรัดปิดปากฝ่ายเสียงข้างน้อย หรือก่อนหน้านี้กรณีของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นถอดถอนประธานสภาผู้แทนราษฎร สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และไหนจะกำลังจับจ้องคำแปรญัติที่กำลังจับตามองว่ามีเจตนาให้มีการครอบคลุมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำคนเสื้อแดงที่ทำผิดอาญาด้วยหรือเปล่า
เรื่องถัดไปที่กำลังรอลุ้นกันอยู่ก็คือ ร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่มีการปล่อยกำหนดการออกมาแล้วว่าภายในสัปดาห์นี้จะเริ่มเดินเครื่องกันเต็มตัว ซึ่งทางฝ่ายค้าน และส.ว.บางกลุ่มรวมไปถึงภาคประชาชนได้เตือนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความทันที เพราะถือว่ารัฐบาลทำผิดกฎหมายด้านการใช้งบประมาณ เป็นการสร้างภาระให้กับประชาชน โดยใช้งบประมาณผิดประเภท ไม่มีรายละเอียดสำหรับการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเสียงเตือนมาจากนักกฎหมายใหญ่อย่าง คณิต ณ นคร ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า “ขัดรัฐธรรมนูญ”
นี่ยังไม่นับกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมชี้มูลเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว หลังจากได้ยืดเวลาการตรวจสอบออกไปถึงกลางเดือนตุลาคม และเชื่อว่าคราวนี้ไม่น่าจะมีเหตุผลที่ต้องขยายเวลาการสอบสวนออกไปอีก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของความเสี่ยงทางกฎหมาย ที่ต้องลุ้นกันในศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หากมีการชี้ออกมาว่าผิด นั่นก็หมายความว่า “พังกันทั้งยวง” หรือแม้แต่ทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเพียงชั่วข้ามคืนก็เป็นได้
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ข้าวของแพง ปัญหาราคาผลผลิตทางด้านการเกษตรตกต่ำ การส่งออกถดถอย ปัญหาสังคมตามมาซ้ำเติมความเดือดร้อนของชาวบ้าน ปัญหาความล้มเหลวในการแก้ปัญหาชายแดนใต้ ที่ล้วนเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายการชี้นำจาก ทักษิณ ชินวัตร ที่ผิดพลาด กำลังชักนำต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน และที่สำคัญทำให้มีแนวโน้มที่จะเสียอำนาจอธิปไตยในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ในช่วงเดือนตุลาคมยังเป็นที่คาดหมายกันว่าศาลโลกอาจจะมีการพิพากษาในคดีที่ทางการกัมพูชายื่นร้องให้ตีความว่ากัมพูชามีสิทธิครอบครองหรือมีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรโดยรอบปราสาทพระวิหารด้วยหรือไม่ ถ้าออกมาตามคำร้องของกัมพูชา รับรองว่า “เละแน่” และนี่อาจเป็นจุดตายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เพราะจะเกิดการต่อต้านจากคนไทยที่รักชาติจำนวนมาก และอาจเป็นเงื่อนไข“ชาตินิยม” ที่จะรวมพลังกันเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศเสียใหม่ก็เป็นได้
แม้ว่าที่ผ่านมาในช่วงเดือนกันยายนต่อเนื่องไปจนถึงเดือนตุลาคมทุกปี จะมีเรื่องให้ตื่นเต้นหวาดเสียว ส่วนใหญมักจะเป็นเรื่องของความอึมครึมกันระหว่าง “คนมีสี” ในกองทัพกับรัฐบาล เพราะเป็นช่วงฤดูโยกย้าย และเป็นช่วงที่เริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ แต่ปีนี้ผิดคาดเพราะปัญหาผลประโยชน์ในกองทัพสามารถจัดสรรกันได้อย่างลงตัว ไม่มีแรงกระเพื่อมปรากฏออกมาให้สังคมภายนอกได้เห็นแฮปปี้ วิน-วินด้วยกันทุกฝ่าย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องลุ้นกันก็จะเป็นเรื่องจากสังคมภายนอก ที่เป็นกลายเป็นความสะสมความไม่พอใจของชาวบ้าน อันเนื่องมาจากการลงานการบริหารงานที่ “ห่วยแตก” ทำร้ายความรู้สึกชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะ “ไม่เห็นหัว” ฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้ยังมีด่านสำคัญทั้งในศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังจะพิจารณาคำร้องตีความเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นโมฆะ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่ผิดกฎหมาย กรณีที่ ป.ป.ช.กำลังชี้มูลโครงการจนำข้าว รวมไปถึงคาดว่าในช่วงเวลาเดียวกันศาลโลกจะมีการตีดสินคดีคำร้องของกัมพูชาให้ตีความการครอบครองพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารเนื้อที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วย ทุกอย่างงวดเข้ามา ทำให้น่ากังวลไม่น้อยว่าเดือนตุลาคมปีนี้ จะ“อาถรรพ์” หรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบรอบข้างแล้วน่าหวาดเสียวจริงๆ!!