“เจริญ” เผยข้อตกลง ผู้แปรญัตติอภิปรายร่างแก้ไข รธน.ได้ทุกคน

“เจริญ” เผยหลังหารือวิปฝ่ายค้าน ตกลงกันแล้วทุกคนที่แปรญัติจะได้อภิปราย ส่วนผู้ที่ไม่ได้แปรญัตติสามารถพูดได้ในมาตราที่มีการแก้ไข ด้านประธานวิปรัฐบาลไม่ขัดข้องหากจะให้ทุกคนได้อภิปราย แต่ประเด็นต้องไม่ซ้ำซาก

นายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานวิป 3 ฝ่าย กล่าวว่า เหตุที่ไม่มีการประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายในเช้าวันนี้ เพราะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วม โดยอ้างว่าไม่ได้มีปัญหากับวิปรัฐบาล แต่มีปัญหากับประธานในที่ประชุม ซึ่งตนก็พยายามที่จะประนีประนอม และควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่มีสมาชิกพยายามใช้เทคนิคอ้างว่าไม่มีสมาธิในการอภิปราย ซึ่งตนจะให้โอกาส 3 ครั้ง ถ้าไม่ประสงค์จะอภิปราย ก็จะต้องตัดให้คนอื่นอภิปรายแทน อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องให้สมาชิกให้ความร่วมมือเพื่อให้การประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้ พร้อมกันนี้จะขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ไม่ให้มาประกบประธานในขณะทำหน้าที่ด้วย

นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ คนที่ 1 กล่าวภายหลังการหารือกับวิปฝ่ายค้านว่า วันนี้การประชุมจะเริ่มที่มาตรา 2 โดยสมาชิกที่ได้เสนอคำแปรญัญติไว้ก็จะเปิดโอกาสให้ได้พูด ส่วนคนที่ไม่ได้แปรญัญติก็มีสิทธิอภิปรายในมาตราที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน กำหนดการวันนี้น่าจะเลิกประชุมประมาณ 22.00 น.ได้แค่ไหนก็คงเอาเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็เลื่อนออกไปวันอื่นแทน อันนี้คือการหารือกันเบื้องต้น ซึ่งได้มอบหมายให้ประธานวิปแต่ละฝ่ายไปพูดคุยกับฝ่ายตัวเองแล้วว่าสมาชิกมีสิทธิจะพูดอยู่แล้ว ทั้งนี้หากทุกฝ่ายพยายามที่จะไม่ทักท้วงกัน และยอมรับข้อเสนอต่างๆ บรรยากาศน่าจะดีกว่าเมื่อวาน

ด้านนายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยก่อนการประชุมวิป 3 ฝ่ายว่า ได้ประสานกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านแล้ว ได้รับคำยืนยันไม่ขัดข้องที่จะมาพูดคุยร่วมกัน เพื่อให้การประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้ และวิปรัฐบาลไม่ขัดข้องหากสมาชิกที่แปรญัตติเอาไว้จะขออภิปรายทั้งหมด แต่ประเด็นต้องไม่ซ้ำกัน โดยเป้าหมายหลักเพื่อประโยชน์ของประชาชน และการประชุมเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งนี้จะยังไม่มีการกำหนดเวลาในการอภิปรายว่าจะเสร็จเมื่อใด โดยขอคุยกันในวันนี้ก่อน พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภา แต่เป็นเรื่องของตัวบุคคล