“วราเทพ” วอนม็อบยางหยุดชุมนุม ยันรัฐช่วยได้แค่โลละ 90 ชี้โลละ 120 เป็นไปไม่ได้ ด้าน “สุภรณ์” เชียร์ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ป้ายสีผู้ชุมนุมไม่ใช่เกษตรกรจริง มีนายทุน-กลุ่มการเมืองหนุนหลัง อีกด้านรับข้อเสนอแกนนำม็อบปากมูล ตั้งตัวแทนนักวิชาการในกรรมการแก้ปัญหา ด้าน ส.ส.เมืองคอน ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ ยุติเผชิญหน้า-เลิกป้ายสีม็อบ
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของเกษตรกรชาวสวนยาง บริเวณสี่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ว่า ล่าสุดทราบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นมาใหม่ และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ ได้มอบหมายให้แก่ผู้ปฎิบัติในพื้นที่อย่าง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อย ทั้งนี้ขอเรียกร้องไปยังผู้ที่มีความคิดและแนวทางที่จะก่อให้เกิดผลกระทบแก่ประชาชน อาทิ การปิดถนน หรือรุนแรงถึงขั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือผลกระทบที่จะมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ให้ยุติ และเลิกล้มการกระทำ และควรใช้เวทีในการพูดคุยมากกว่า
“ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ตอบสนองในข้อเรียกร้องเกษตรกรชาวสวนยางในระดับที่เชื่อว่า เป็นที่พอใจของส่วนใหญ่แล้ว ส่วนที่เหลือน่าจะรับได้ ทั้งนี้อยากเรียกร้องว่าให้ยุติการกระทำที่จะสร้างความเสียหาย ส่วนข้อเรียกร้องในราคา 120 บาทต่อกิโลกรัมนั้น เรายืนยันแล้วราคาที่ช่วยเหลือแล้วเหมาะสมอยู่ที่ 90 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งข้อเรียกร้อง 120 บาทต่อกิโลกรัมคงเป็นไปไม่ได้” นายวราเทพ กล่าว
ด้าน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองเลขานุการคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา สลายกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกควนหนองหงษ์ว่า สาเหตุที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตา เนื่องจากผู้ที่มาชุมนุมก่อเหตุปิดถนน ล้อมและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจากการตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช้เกษตรกร แต่เป็นกลุ่มคนที่มีนักการเมืองและนายทุนอยู่เบื้องหลัง นายทุนพวกนี้ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซง หรือประกันราคายางพารา เพราะจะได้ประโยชน์ แต่เมื่อรัฐบาลไม่ทำตามก็ออกมาเคลื่อนไหวเพราะเสียประโยชน์ ทั้งนี้คนที่ออกมาชุมนุมบางคนเป็นคนที่มีหมายจับอยู่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายนั้นทาง ผบ.ตร.จะเป็นผู้ประเมินสถาน และรายงานให้ พล.ต.อ.ประชา ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา รับทราบตลอดเวลา และยืนยันว่าการเจรจาพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรส่วนใหญ่ยอมรับได้แล้ว
ในวันเดียวกัน นายวราเทพ และ นายสุภรณ์ ร่วมรับฟังปัญหาของแกนนำประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูล 18 คน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาตั้งคณะกรรมการอำนวยการ แก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล จ.อุบลราชธานี โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 30 นาที โดยนายสุภรณ์ กล่าวภายหลังการหารือ ว่า ตัวแทนเกษตรกรซึ่งแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มที่ต้องการให้ปิดเขื่อน และเปิดตลอดทั้งปี โดยขอให้แต่ละฝ่ายส่งตัวแทนฝ่ายละ 2 คน รวม 4 คน โดยให้มาจากภาควิชาการ แทนที่จะมาจากภาคประชาชน เพราะเกรงว่าหากมีตัวแทนจากภาคประชาชนเมื่อพูดคุยกันในคณะกรรมการแล้วจะมีปัญหาไม่สามารถตกลงกันได้ ทั้งนี้ทางสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขาฯ จะรับเรื่องไปพิจารณาอีกครั้ง
ด้าน นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์แถลงการณ์ ส.ส. จ.นครศรีธรรมราช ปชป.ผ่านเฟซบุ๊ก “อภิชาต ศักดิเศรษฐ์” ต่อเหตุการณ์ที่มีกำลังตำรวจปราบจลาจลกว่า 1,000 นาย บุกเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณสี่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเช้าวันที่ 17 ก.ย.เพื่อเปิดทางถนนสายเอเชีย 41 ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะลุกลามบานปลายจนเกิดความสูญเสียมากขึ้น เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่นำไปสู่ความรุนแรงหากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบของรัฐมีความละเอียดรอบคอบและแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ไม่ใช้อำนาจหักหาญ หรือมุ่งแต่จะยุติการชุมนุมแสดงออกของพี่น้องประชาชนเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา กำหนดอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างรอบด้านอยู่แล้ว กลับมุ่งเน้นแก้ปัญหาในมิติเดียว คือ การพยายามเอาผิดกับผู้แสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาของตนเอง และป้ายสีการเคลื่อนไหวของพี่น้องเกษตรกรว่ามีนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง
พวกเรา ส.ส. จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย รู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่ดำรงอยู่ ขอเรียกร้องในเบื้องต้นดังนี้ 1.ให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติการในพื้นที่ยุติการเผชิญหน้าทุกรูปแบบกับประชาชนและพี่น้องเกษตรกร เพื่อลดความตึงเครียดและความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย 2.ให้รัฐบาลใช้ความพยายามทุกวิถีทางในทางสันติ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องให้สถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว 3.ให้รัฐบาลทบทวนท่าทีและกรอบแนวทางของตนเองต่อการแก้ไขปัญหาราคายางพารา เพราะที่ผ่านมารัฐบาลยืนยันในวิธีการที่เกษตรกรชาวสวนยางจำนวนมากไม่ยอมรับ อีกทั้งยังปิดกั้นหนทางการพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรเหล่านั้น ดังนั้นรัฐบาลต้องมีกลไกการเจรจาพุดคุยไว้ต่อไป เพราะมีแต่การพูดคุยทำความเข้าใจกันเท่านั้นที่จะพบทางออกและคลี่คลายปัญหาข้อขัดแย้งร่วมกันได้
4.ให้รัฐบาลยุติการใช้กลไกของตนเองในการใส่ร้ายป้ายสีการเคลื่อนไหวของพี่น้องเกษตรกรผู้เดือดร้อนโดยเฉพาะการกล่าวหาว่า มีนักการเมืองโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ฉวยโอกาสใส่ร้ายเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น ทั้งนี้รัฐบาลควรทุ่มเทเวลาไปในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างเอาจริงเอาจัง เพราะนับวันปัญหานี้จะขยายขอบเขตออกไปมากขึ้น จากราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด ไปสู่ผลผลิตอื่นๆที่ภาวะราคาผลผลิตตกต่ำรอคอยการแก้ไขเยียวยาอีกเป็นจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศต้องรับภาระค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆจากความผิดพลาดในการบริหารและกำหนดมาตรการของรัฐบาลเอง พวกเราหวังว่า รัฐบาลจะเปิดใจกว้างรับฟังข้อเสนอแนะข้างต้น และทบทวนตนเองเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป