นครศรีธรรมราช - ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกแถลงการณ์ด่วน จวกรัฐบาลใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาม็อบยาง ยันไม่ได้อยู่เบื้องหลังผู้ชุมนุม ชี้ประชาชนทั่วประเทศต้องรับภาระค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จากความผิดพลาดในการบริหาร และกำหนดมาตรการของรัฐบาลเอง
จากเหตุการณ์ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณสี่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (16 ก.ย.) และต่อมา เกิดการยิงแก๊สน้ำตา และปะทะกันในช่วงเที่ยง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ และทรัพย์สินถูกทำลาย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกแถลงการณ์ระบุดังนี้
เหตุการณ์ที่มีกำลังตำรวจปราบจลาจลกว่า 1,000 นาย บุกเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณสี่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเช้าวันนี้ (16 ก.ย.) เพื่อเปิดทางถนนสายเอเชีย 41 ก่อนจะเข้าสลายการชุมนุมของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่ทยอยกันมาสมทบมากขึ้นในเวลาต่อมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง นับเป็นสถานการณ์รุนแรงที่สร้างความหวั่นวิตกแก่ประชาชนทั่วไปว่าจะลุกลามบานปลายจนเกิดความสูญเสียมากขึ้น
เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่นำไปสู่ความรุนแรง หากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบของรัฐมีความละเอียดรอบคอบ และแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ไม่ใช้อำนาจหักหาญ หรือมุ่งแต่จะยุติการชุมนุมแสดงออกของพี่น้องประชาชนเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลซึ่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา กำหนดอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างรอบด้านอยู่แล้ว กลับมุ่งเน้นแก้ปัญหาในมิติเดียว คือ การพยายามเอาผิดต่อผู้แสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาของตนเอง และป้ายสีการเคลื่อนไหวของพี่น้องเกษตรกรว่ามีนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง
ภาวการณ์เช่นนี้ นอกจากจะทำให้ปัญหาของพี่น้องเกษตรกรไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการเติมเชื้อไฟความขัดแย้งในบ้านเมืองให้ลุกลามบานปลายไม่มีที่สิ้นสุดด้วย พวกเราสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย รู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์ที่ดำรงอยู่ ขอเรียกร้องในเบื้องต้นดังนี้
1.ให้รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติการในพื้นที่ยุติการเผชิญหน้าทุกรูปแบบต่อประชาชน และพี่น้องเกษตรกร เพื่อลดความตึงเครียด และความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นแก่ทุกฝ่าย
2.ให้รัฐบาลใช้ความพยายามทุกวิถีทางในทางสันติ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องให้สถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
3.ให้รัฐบาลทบทวนท่าที และกรอบแนวทางของตนเองต่อการแก้ไขปัญหาราคายางพารา เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลยืนยันในวิธีการที่เกษตรกรชาวสวนยางจำนวนมากไม่ยอมรับ อีกทั้งยังปิดกั้นหนทางการพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรเหล่านั้น ดังนั้น รัฐบาลต้องมีกลไกการเจรจาพุดคุยไว้ต่อไป เพราะมีแต่การพูดคุยทำความเข้าใจกันเท่านั้นที่จะพบทางออก และคลี่คลายปัญหาข้อขัดแย้งร่วมกันได้
4.ให้รัฐบาลยุติการใช้กลไกของตนเองในการใส่ร้ายป้ายสีการเคลื่อนไหวของพี่น้องเกษตรกรผู้เดือดร้อน โดยเฉพาะการกล่าวหาว่ามีนักการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ฉวยโอกาสใส่ร้ายเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น
รัฐบาลควรทุ่มเทเวลาไปในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างเอาจริงเอาจัง เพราะนับวันปัญหานี้จะขยายขอบเขตออกไปมากขึ้น จากราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด ไปสู่ผลผลิตอื่นๆ ที่ภาวะราคาผลผลิตตกต่ำรอคอยการแก้ไขเยียวยาอีกเป็นจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศต้องรับภาระค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จากความผิดพลาดในการบริหาร และกำหนดมาตรการของรัฐบาลเอง พวกเราหวังว่า รัฐบาลจะเปิดใจกว้างรับฟังข้อเสนอแนะข้างต้น และทบทวนตนเองเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป