“ประพันธ์” ระบุในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ไม่มีการปกครองใดดีกว่าระบอบประชาธิปไตย เชื่อรัฐประหารเกิดยากในประเทศไทย เหตุสังคมโลกไม่ยอมรับและต่อต้าน เรียกร้องทุกฝ่ายใส่ใจลดซื้อสิทธิขายเสียง เผย กกต.เตรียมยกร่างกฎหมายลูกรับกับการแก้ไข รธน.ที่มา ส.ว.เพื่อให้ใช้ทันในการเลือกตั้ง ส.ว.ปีหน้า
วันนี้ (13 ก.ย.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง บรรยายพิเศษในหัวข้อ “บทบาทคณะกรรมการการเลือกตั้งในการจัดการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม” ให้แก่ผู้เข้าอบรมสร้างเครือข่ายชุมชนสัมพันธ์ ตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2554 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งระดับชาติ กกต.มีหน่วยเลือกตั้งกว่า 9 หมื่นหน่วย มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งกว่า 1 ล้านคน ภาระตรงนี้เป็นภารกิจของชาติ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง หาก กกต.ไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย การเลือกตั้งคงจะสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้ จึงมองว่าประเทศไทยภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ควรใช้ระบบการเลือกตั้ง หากไม่ใช้ระบบการเลือกตั้งเราจะไปใช้ระบบใด ถ้าไปใช้ระบบอื่นๆ จะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ ซึ่งขณะนี้กำลังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกเลิก ส.ว.สรรหาไปหมดเลย แต่รัฐธรรมนูญปี 50 กำหนดให้มี ส.ว.แบบสรรหา เนื่องจากต้องการกลั่นกรองให้มี ส.ว.ที่หลากหลาย เป็นตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ จึงมีตัวแทนของภาควิชาชีพต่างๆ อาทิ นักกฎหมาย นักวิชาการ นักธุรกิจ โดยยกตัวอย่าง ส.ว.สรรหาที่มาจากผู้พิการทางสายตา เพราะหากผู้พิการทางสายตาลงสมัครเลือกตั้ง ส.ว.ก็เชื่อว่าคงจะไม่มีใครสนใจให้ผู้พิการเข้ามาทำหน้าที่ สุดท้ายก็ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ทั้งนี้ สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้มองว่าไม่เห็นว่าระบอบการปกครองใดจะดีไปกว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตย การจะเข้ามามีอำนาจด้วยการรัฐประหารหรือยึดอำนาจ ในอนาคตคงจะเกิดได้ยาก เพราะไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตย สังคมโลกคงไม่ยอมรับ และถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นด้วย สังคมโลกก็จะยิ่งไม่ยอมรับและอาจต่อต้านได้ ดังนั้น เมื่อไม่มีทางอื่นก็ต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรมและโปร่งใส เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งดูจากหลายประเทศทั่วโลกพบว่าเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์จะให้องค์กรกลางที่ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ทั้งนี้ การให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการปกครองอย่างถูกต้องและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนจะสามารถแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงได้ เมื่อไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียงการเลือกตั้งก็จะสุจริต
นายประพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าการหาเสียงทั้งระดับชาติหรือท้องถิ่นมีการหาเสียงแบบประชานิยม ซึ่งถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมายก็สามารถทำได้ แต่ถ้าอยู่นอกอำนาจของกฎหมายก็เท่ากับเป็นการหลอกลวงประชาชน ตนมองว่าการเลือกตั้งจะสุจริตเที่ยงธรรมได้นั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1. ผู้จัดการเลือกตั้ง เพราะถ้าจัดเลือกตั้งโดยไม่สุจริตแล้วจะได้ผู้แทนประชาชนที่ดีได้หรือไม่ แต่ก็ขอยืนยันว่าตลอด 7 ปีที่เข้ามาเป็น กกต. การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
2. ผู้สมัครลงเลือกตั้ง ถ้าผู้สมัครพรรคการเมืองไม่เอาเงินไปแจกประชาชนการซื้อเสียงจะเกิดขึ้นอย่างไร แต่ปัญหาพบว่าการซื้อเสียงยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งพบว่ามีการซื้อเสียง 1,000-2,000 บาทต่อหัว เพราะจำนวนผู้มีสิทธิ์มีไม่มาก และ 3. ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ถ้าประชาชนไม่รับเงินจากผู้สมัคร การทุจริตการเลือกตั้งก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะการซื้อสิทธิขายเสียงทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมลง
อย่างไรก็ตาม กกต.ก็ได้พยายามแก้ไขด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากขึ้น เพื่อลดปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง แม้ว่าอาจจะไม่เห็นผลในวันนี้แต่เชื่อว่าในอนาคตจะดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ตนจึงอยากให้ทุกฝ่ายหันมาร่วมมือกันเพื่อช่วยให้ประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
นายประพันธ์ยังได้กล่าวชี้แจงในช่วงระหว่างการตอบคำถามถึงกรณีที่ กกต.มีมติ 3 ต่อ 2 เสียงดำเนินคดีอาญาต่อนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับไม่สั่งเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร กรณีโพสต์ภาพเผาบ้านเผาเมืองในช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า การวินิจฉัยของ กกต.ได้ดำเนินการไปตามระเบียบของข้อกฎหมาย เมื่อ กกต.เสียงข้างมากมีมติให้ดำเนินคดีอาญาต่อนายศิริโชค แต่ไม่สั่งเลือกตั้งใหม่ กกต.เสียงข้างน้อยก็ต้องยอมรับ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีเช่นนี้ คือมีบริษัทที่รับติดป้ายโฆษณาหาเสียงการเลือกตั้งของผู้สมัครรายหนึ่งไปติดป้ายหาเสียงในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่ง กกต.ได้วินิจฉัยให้ดำเนินคดีอาญาต่อบริษัทที่รับติดป้าย แต่ก็ไม่ได้ให้ใบเหลืองต่อผู้สมัคร เพราะ กกต.มองในแง่ว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นเหตุสำคัญให้ผู้สมัครได้รับเลือกตั้ง
นายประพันธ์ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณีที่ประชุมรัฐสภามีมติผ่านวาระ 2 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่มาของ ส.ว.ว่าตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญให้ กกต.ทำหน้าที่ออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูก โดยขณะนี้ กกต.ได้เตรียมคณะกรรมการทำหน้าที่ยกร่างฯ ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อทำหน้าที่ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ 30 วัน หากสภาผ่านวาระ 3 กกต.ก็จะรีบดำเนินการทันที เชื่อว่าทันต่อการที่จะมีการเลือกตั้ง ส.ว.ในปี 2557
ส่วนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 กันยายนนี้ กกต.ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าการเลือกตั้งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อยากฝากให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะเป็นเพียงการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเลือกตั้งระดับชาติ อีกทั้งในเดือนกันยายนนี้ก็จะมีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นอีกจำนวนมาก จึงอยากกำชับให้เจ้าหน้าที่ของ กกต.ดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เป็นที่เรียบร้อย สุจริต และโปร่งใส รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า กกต.ชุดปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ 20 กันยายนนี้ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง และการรับรองผลการเลือกตั้ง เพราะ กกต.ชุดนี้ต้องปฎิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่