xs
xsm
sm
md
lg

คุก “ประชา” คดีโกงรถดับเพลิง ชี้ศาลเที่ยงธรรม-ทักษิณมีปัญหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สะเก็ดไฟ

ลุ้นกันแทบตายสำหรับคนไทยที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าทีวีเพราะติดข่าวเช้าช่อง 3 ว่านักเล่าข่าวคนดังจะอ่านข่าว “ประชา มาลีนนท์” อดีต รมช.มหาดไทย ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 12 ปี จากกรณีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.หรือไม่

เพราะใครๆ ก็รู้ว่า ฐานรากที่ทำให้นักเล่าข่าวคนดังกล่าวแปรเปลี่ยนจาก “กรรมกรข่าว” ไปเป็น “นักธุรกิจข่าวพันล้าน” ภายในเวลาไม่กี่ปี อยู่ที่หม้อข้าวของใคร แถมเจ้าตัวยังเคยสร้างสถิติไม่อ่านข่าวบริษัทไร่ส้มโกงเงินส่วนแบ่งค่าโฆษณา อสมท มาแล้ว จนโดนสวดยับต้องใช้รายการตัวเองแก้ข่าว และยังแสดงอาการไม่ยอมรับคำตัดสินของ ป.ป.ช. รวมทั้งไม่ยอมหยุดการทำหน้าที่สื่อมวลชน ตามกระแสเรียกร้องของสังคมอีกต่างหาก

มาคราวนี้เจองานยักษ์ของบิ๊กบอสก็คงหนักใจพอดู เพราะคนที่ติดตามเขาเห็นว่าให้เวลากับข่าวนี้สั้นนิดเดียวแถมจำเลยใหญ่ที่เป็นคนทำให้ชาติเสียหายกว่า 6,000 ล้านบาท ที่ศาลพิพากษาให้จำคุก 12 ปี กลับปรากฏชื่อในข่าวนี้เพียงครั้งเดียวนอกนั้นให้รายละเอียดอย่างอื่นแทน

นี่คือ “สื่อธุรกิจ” มิใช่ “สื่อมวลชน”

แต่ทำไมคนเหล่านี้ยังอยู่อย่างมีหน้ามีตาในสังคมได้คนไทยต้องถามตัวเองว่า สังคมของเราเดินมาถึงจุดที่ไม่ถือสาความชั่ว เมามัวกับคนดังจนไม่ได้ให้คุณค่ากับคุณงามความดีมากไปกว่า “คนรวย” และ “คนดัง” ใช่หรือไม่ เพราะนั่นเป็นปัจจัยที่ทำให้ “ความชั่ว” ขยายตัวกลืนกิน “ความดี” ไปทีละน้อยๆ จนดูเหมือนว่าสังคมไทยที่เป็นเมืองพุทธนั้นมีคนไร้ศีลธรรม ขาดความละอายต่อบาปมากกว่าคนที่มีศีลมีสัตย์

กรณีทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.เป็นมหากาพย์ที่สร้างอนุสรณ์ให้เราได้แต่มองดูรถดับเพลิงจากบริษัท สไตเออร์เอมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด โดยมิอาจนำมาใช้งานได้ยาวนานถึง 7 ปี ทำให้รัฐเสียหายถึง 6,687,489,000 บาท

มีเรื่องที่น่าสนใจจากคดีนี้อย่างมีนัยยะสำคัญเกี่ยวกับความพยายามนิรโทษกรรมเพื่อล้างผิดคนโกงปล้นชาติที่น่าจะหยิบยกขึ้นมาตั้งคำถามกับพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรี ว่า เหตุใดคดีรถดับเพลิงซึ่งตั้งต้นจาก คตส.ที่เป็นผลไม้พิษจาก คมช.ส่งต่อไปยัง ป.ป.ช.แล้วอัยการสั่งไม่ฟ้อง จน ป.ป.ช.ต้องฟ้องเองนั้น

เหตุใดจึงไม่มีใครโวยวายเลยว่าเป็นคำตัดสินของศาลมิกกี้เมาส์ เชื่อถือไม่ได้

แตกต่างจากคดีที่เกี่ยวพันกับนักโทษหนีคดีทักษิณชินวัตร ที่จะอ้างผลพวงรัฐประหารทำให้เกิด คตส.ขึ้นมาเพื่อกำจัดตัวเองปลุกปั่นยุยง ทำลายศาล ทำร้ายประเทศ จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เมื่อปี 2553 หลังถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท

ในขณะเดียวกันก็หนีคุก 2 ปี จากคดีที่ดินรัชดาฯ ที่ “ผัวเซ็น-เมียซื้อ” ดูแล้วไม่น่าจะผิดแต่ที่มันผิดก็เพราะผัวเป็นนายกฯ เขาไม่ให้ทำธุรกรรมกับรัฐจึงผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา100 ถูกฟันกลางกบาลจนเกิดความแค้นสร้างความแตกแยกในแผ่นดินไม่หยุดหย่อนอยู่ในตอนนี้

ในช่วงทีี่การผลักดันให้ พล.อ.สนธิบุณยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ที่วันนี้แสดงตนเต็มที่ว่าเป็น “ขี้ข้า” ให้ “นักโทษหนีคดี” ได้พ้นผิด ด้วยการพยายามที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมภายใต้ชื่อว่า “ปรองดอง” โดยอาศัยรายงานวิจัยสวะของสถาบันพระปกเกล้ามาสร้างความชอบธรรม

วัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ซึ่งเป็นหนึ่งในจำเลยคดีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงด้วยคือล็อบบี้ยิสต์คนสำคัญที่นักโทษชายมอบหมายงานใช้ “คนทำรัฐประหารฟอกผิดคนถูกรัฐประหาร” เดินสายเกลี้ยกล่อมหลายฝ่าย แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จเพราะแรงต้านอย่างหนักจากนอกสภาของมวลมหาประชาชนที่รักความถูกต้องเคลื่อนไหวคัดค้าน จึงทำให้ทักษิณ ยังได้แค่ฝันเปียกไปวัน ๆว่าจะได้กลับไทยอย่างเท่ๆ

โดยรายงานของสถาบันพระปกเกล้าที่ยังคารอให้รัฐบาลเสียบภายใต้การตบแต่งใหม่ผ่านสภาปฏิรูปการเมืองที่ ยิ่งลักษณ์ ตั้งขึ้นมีข้อเสนอที่เข้าทางนักโทษหนีคดีชนิดที่เรียกว่า “เต็มตีน” เพราะมีการพูดถึงความไม่ชอบธรรมของ คตส. อย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนขาดความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม

แถมท้ายด้วยข้อเสนอที่นักโทษหนีคดีอยากได้คิอโละทิ้งคดี คตส.ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่คดีที่ศาลฎีกาฯได้ตัดสินไปแล้ว เท่ากับว่าผลจากคำพิพากษานั้นเป็นโมฆะไม่ว่าจะเป็นคุก 2 ปี และการยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากการล้มล้างคำพิพากษา

โดยเอาคำว่า “ปรองดอง” มาบังหน้า

โยนบาปทั้งหมดให้ คตส.กลายเป็นยักษ์มารทำลายความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรม ทั้งๆ ที่ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่พนักงานสอบสวนและใช้กฎหมายปกติของ ป.ป.ช.โดยไม่ได้มีการออกกฎหมายพิเศษใดๆ มาเพื่อดำเนินคดีต่อนักโทษชายทักษิณและพวกแต่อย่างใด

แต่เมื่อคำตัดสินออกมาไม่ถูกใจนักโทษชายทักษิณจึงเลือกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องด้วยการพยายามที่จะเอาชนะระบบกฎหมายไทย ล้มคำพิพากษาออกกฎหมายนิรโทษกรรมคนปล้นชาติแบบไม่ละอาย

การตัดสินคดีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงจึงเป็นเครื่องเตือนความทรงจำให้คนไทยไม่ลืมว่า คดีนี้ก็เป็นคดีที่คตส.เริ่มต้นทำสำนวนไว้และ ป.ป.ช.มาสานต่อตั้งข้อกล่าวหาตามสำนวน คตส.ด้วยการยื่นฟ้องจำเลยดังนี้

นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย, นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย, นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์, พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม., บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด หรือ STEYR-DAIMLER-PUCHSpezial fahrzeug AG&CO KG (ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว) และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542

แต่น่าแปลกใจที่ไม่มี “สุนัขรับใช้” ตัวใดของรัฐบาลออกมาตีโพยตีพายว่าเป็นคดีที่ไม่ยุติธรรมเนื่องจาก คตส.เป็นต้นเรื่องแม้แต่คนเดียว ขนาดวัฒนาซึ่งเป็นโต้โผในการทำลายความชอบธรรมของ คตส.มาแต่แรกก็ยังไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาต่อว่าต่อขานอีก ราวกับไม่เคยมี คตส.อยู่ในโลกนี้และคดีที่เกิดขึ้นก็เดินหน้าตามกระบวนการยุติธรรมตามปกติ เพียงเพราะว่า “วัฒนา” คือหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาที่รอดพ้นผิดจากคำพิพากษาครั้งนี้

วัฒนา เมืองสุข ยอมรับคำพิพากษาโดยดี แถมโภคิน พลกุล ที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ให้นักโทษทักษิณว่าคดีที่เกิดจาก คตส.ขัดหลักนิติธรรมยังให้สัมภาษณ์อย่างไม่ละอายปากว่า

“ถ้าสังคมอยู่ได้ด้วยความยุติธรรมอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ขอให้ทุกฝ่ายยึดหลักนิติธรรม หลักความถูกต้องและควรที่จะให้อภัยกัน”

เท่ากับว่ากระบวนการยุติธรรมไทยมิได้มีปัญหาอย่างที่พยายามสร้างภาพทำลาย แต่ปัญหาของประเทศ คือ มีคนเห็นแก่ตัวไม่ยอมรับระบบกฎหมายไทย ต้องการทำตนอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมืองจึงทำให้ชาติวุ่นวายไม่รู้จบเพราะคนเพียงคนเดียว คือ ทักษิณ ชินวัตร

หากขี้ข้าทักษิณยึดมั่นในหลักการว่า คตส.คือผลไม้พิษ ก็ต้องใช้หลักคิดเดียวกันในทุกคดีไม่ใช่ยอมรับได้เมื่อได้รับประโยชน์จากการตัดสินนั้นแม้ว่าจะมีพรรคพวกติดบ่วงถูกตัดสินจำคุกถึง 12 ปีก็ยังเห็นว่ามีความเป็นธรรม

แต่ถ้าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับนักโทษหนีคดีจะออกมาประสานเสียงกันแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า นายใหญ่ถูกกลั่นแกล้งจากอำมาตย์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากศาล ทั้งๆ ที่กระบวนการพิจารณาคดีเริ่มต้นตั้งแต่การสรรหาองค์คณะไปจนถึงการไต่สวนที่ศาลฎีกาฯ สามารถเรียกหาข้อมูล พยาน หลักฐาน เพิ่มเติม ได้นอกจากสำนวนที่ส่งฟ้องซึ่งแตกต่างไปจากคดีอาญาทั่วไปที่เป็นระบบกล่าวหา

คดีทุจริตรถและเรือดับเพลิงจึงเป็นเครื่องชี้วัดเป็นอย่างดีว่า หลังการรัฐประหารที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมไทยมิได้มีปัญหาแต่ทุกคดีเป็นไปตามระบบปกติทุกประการ แม้แต่คดีที่ดินรัชดาที่ศาลให้จำคุก 2 ปี ก็ตัดสินในยุคที่ สมัคร สุนทรเวช คนของทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี

มาคราวนี้คดีที่ คตส.ทำและศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก “ประชา มาลีนนท์” อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยถึง 12 ปี ก็ตัดสินในยุคที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวนักโทษหนีคดีกำลังเรืองอำนาจสยายปีกคิดครอบงำทุกวงการ แต่ก็ไม่มีใครออกมาด่าศาลว่าสองมาตรฐานปล่อยให้ ประชา หนีคุกไปนอนหนาวอยู่ที่ยุโรปโดยไม่มีใครโดดออกมาปกป้อง

สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นบทสรุปที่ชัดเจนว่าการอ้างว่าทักษิณถูกกลั่นแกล้งและมีการพิจารณาคดีโดยไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมนั้นเป็นความเท็จ เพราะทักษิณได้โอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เช่น คดีที่ดินรัชดาศาลยกฟ้อง คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เพราะไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่ยึดที่ดินรัชดาตามที่ คตส.ยื่นฟ้องและอัยการนำเรื่องขึ้นสู่ศาลเช่นเดียวกับกรณีการยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทศาลฎีกาฯก็ให้ความเป็นธรรมยึดเฉพาะในส่วนทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาจากการใช้อำนาจทุจริตเชิงนโยบายจนเงินงอกถึง4.6 หมื่นล้านจากเดิมแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไว้ที่กว่า 3 หมื่นล้านบาทโดยศาลคืนทุนเดิมให้ทั้ง ๆ ที่ คตส.เสนอให้ยึดทั้งหมด

ดังนั้น ที่ใส่สีตีไข่ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงเป็นมายาภาพของนักเล่นกลสกปรกที่ไม่เคารพกติกาบ้านเมืองเท่านั้นและยิ่งตอกย้ำว่าสังคมไทยจะปล่อยให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกกฎหมายล้างผิดคนโกงไม่ได้เพราะไม่เพียงแต่จะทำลายระบบกฎหมายไทยเท่านั้น แต่ยังทำให้ทักษิณคนทำลายชาติกลายเป็นคนถูกต้องที่ไม่มีวันผิดอีกต่อไปตราบใดที่อำนาจของระบอบทักษิณยังครอบงำประเทศอยู่

ทักษิณและตระกูลชินวัตรจะไม่มีวันถูกดำเนินคดีเพราะทำผิดกฎหมายเสมือนกับมีการตรากฎหมายพิเศษโดยไม่ต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ว่า “ตระกูลชินวัตรทำอะไรถูกหมด” คนไทยจะยอมให้ตระกูลนี้อยู่เหนือกฎหมายทำลายประเทศต่อไปได้กระนั้นหรือ?

กำลังโหลดความคิดเห็น