xs
xsm
sm
md
lg

ได้เวลาปูไปเที่ยว-รับคำสั่งแม้ว !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เกาะกระแส

00 ตามกำหนดการที่เพิ่งประกาศออกมาให้ชาวบ้านได้ทราบก็คือตั้งแต่วันที่ 8-15 ก.ย. นายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนสวยก็จะนำคณะชุดใหญ่ไปเยือนต่างประเทศอีกแล้ว โดยประเทศที่ไปคราวนี้มี สวิส อิตาลี และมอนเตเนโกร เห็นรายชื่อสองประเทศแรกทำให้ชวนอิจฉา ริษยา เพราะมันช่างโรแมนติกสิ้นดี และสำหรับนายกฯคนสวยของเรา ที่ระยะหลังชาวบ้านเขาสนใจแค่ว่าเธอไปช็อบปิ้งโดยใช้งบหลวงหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาเดินทางนั่งเครื่องบินเป็นว่าเล่น ทำลายสถิติโลก แต่กลับไม่มีผลงาน หรือการลงนามทำข้อตกลงอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่แถลงเองเออเอง ประเภทสำเร็จนั่น ลงนามการค้านั่น และที่สำคัญทุกครั้งที่ไปก็มักจะมี "พี่ชาย" คือ ทักษิณ ชินวัตร โผล่นำทางไปรออยู่ล่วงหน้าเสมอ จึงไม่รู้ว่าใช้ตำแหน่งนายกฯ ไปเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของธุรกิจของพี่ชายและครอบครัวพวกพ้องหรือเปล่า

00 คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน วันก่อนเห็น ทักษิณ โชว์รูปทำเท่อยู่ที่อิตาลี วันนี้ ยิ่งลักษณ์ ก็จะไปถึงที่นั่น ส่วนมอนเตเนโกรนั้น ไม่ต้องพูดถึง เป็นประเทศที่ใช้สัญชาติ ทักษิณ ไปนานแล้ว ความหมายก็คือ ทักษิณ เป็นคนของประเทศนั้น และการให้น้องสาวไปเยือน มันก็เหมือนกับโชว์พาวให้เห็นว่า "ข้านี้ใหญ่จริง" ขนาดสั่งให้นายกฯไทยไปเยือนได้ ต่อไปจะทำธุรกิจ หรือการลงทุนอะไรก็ติดต่อผ่านเขาก็ได้ ความหมายก็คือ "นี่แหละนายกฯ ตัวจริง" อะไรประมาณนั้น เพราะถ้าถามว่ามอนเตเนโกร ที่พยายามเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปนั้นมีขนาดเล็กนิดเดียว มีประชากรไม่กี่แสนคน เป็นประเทศยากจน ที่ผ่านมาผู้ของเขาพยายามดิ้นรนขายที่ดิน ขายเกาะ เพื่อดึงดูดนักลงทุนข้างนอกไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่ง ทักษิณ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้สิทธิ์ดังกล่าว เพื่อแลกกับสิทธิใยการเดินทางเข้ายุโรปในชวงที่กำลังเร่ร่อนใหม่ๆ เมื่อครั้งที่ อังกฤษ สหรัฐฯ ยังไม่ให้เข้าประเทศ

00 ดังนั้นการเดินทางไปเยือน สวิส อิตาลี และมอนเตฯ คราวนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานการเดินทางไปต่างประเทศครั้งก่อนๆ มันจึงช่วยไม่ได้ที่ทำให้สังคมสงสัยว่า นายกฯปู แค่ไปเที่ยว ไปช็อปปิ้ง ไปเจรจาทางธุรกิจให้เฉพาะธุรกิจของ ทักษิณ และพวกพ้องเท่านั้น แม้ว่าคราวนี้จะมีการหนีบเอาพวกนักธุรกิจคณะใหญ่ไปด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่เห็นมีรายละเอียด กำหนดการในการลงทุน ลงนามอะไรแบบเป็นชิ่นเป็นอันให้คุ้มค่างบหลวงแต่อย่างใด

00 นาทีนี้ไม่ว่าราคายางพาราจะออกมาที่ราคา กก.ละ 90 บาท หรือ 95 บาท ผลที่ออกมาคือ "เหลว" ตามเคย และฟันธงเอาไว้แบบนี้ได้เลย เพราะอะไร ก็เพราะว่ารัฐบาลมัน "ถังแตก" ไงละ อย่าว่าแต่ กก.ละ 90 บาทเลย แค่กก.ละ 80 บาท ที่รัฐบาลยืนยันมาก่อนหน้านี้ก็ประกันราคาได้ลำบาก เพราะไม่มีเงินในกระเป๋า และคอยดูก็แล้วกันว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นม็อบใหญ่ แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ภาคใต้ แต่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศ รวมไปถึงพวกเกษตรกรชาวสวน ชาวไร่ สารพัดจะออกมาประท้วงปิดถนนจากราคาผลผลิตตกต่ำ

00 ของแพงเป็นอีกตัวหนึ่งที่ทำลายความเป็นอยู่ของคนไทยให้ "ทุกข์แสนสาหัส" ยิ่งได้ยินนายกสมาคมภัตตาคารไทย ทำนายว่าไม่เกินสิ้นปีนี้อาจได้เห็นราคาข้าวผัดกระเพราไข่ดาวพุ่งขึ้นไปจานละ 50 บาท ก็สะดุ้งโหยง แต่ก็ยังปลอบใจว่าอาจจะเป็นข้าวกระเพราะในร้านหรู หรือในห้างก็ได้ แต่ในความเป็นจริงถ้าไปกินในร้านหรู หรือภัตตาคาร คงมีน้อยคนที่คิดจะไปกินข้าวผัดกระเพรา แต่ถ้าหมายถึงตาม "ร้านข้าวถนน" หายนะแน่พี่น้อง ถึงตอนนั้น ปลัดกระทรวงพาณิชย์ วัชรี วิมุกตายน ที่บอกว่า "ของแพง แค่ความรู้สึก" ก็คงเกษียณฯ สะบัดตูดไปแล้ว ทุด !!

00 คดีลูกชาย "เสี่ยกระทิงแดง" ชนรถตำรวจทองหล่อตายถูกกล่าวขวัญขึ้นมาอีกรอบ แต่คราวนี้เสียงวิจารณ์เสียงด่ากลับเป็นตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาที่ท่าทีเปลี่ยนไปจาก "หน้ามือเป็นหลังตีน" คราวก่อนตอนเกิดเหตุเราได้เห็น "แอ็กชั่น" ของ ผบช.น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เดินนำตำรวจตบเท้าเข้าบ้านเสี่ยกระทิงแดงเพื่อทวงถามความยุติธรรมให้ตำรวจลูกน้องที่ถูกรถชนเสียชีวิต คราวนั้น มอง "แบบฉาบฉวย" โอ้โห้ แจ๊ดเจ๋งว่ะ" ได้ใจไปเต็มๆ แต่อีกด้านหนึ่งมีคนก็สงสัยว่า "เฮ้ยนี่กินหมูนี่หว่า" เพราะหนึ่ง ทุนกระทิงแดงไม่ใช่ทุนเพื่อแม้ว" สอง "ผิดแบบนี้เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีทางขัดขืน" เปรมกันทั่วหน้า สังเกตเปรียบเทียบกับวันนี้ มันเห็นชัดไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร เพราะ "เสี่ยแจ๊ด" เงียบเสียงเป็นคนละคน ทำให้สงสัยถึงไม่เร่งรัดคดีที่ลูกเสี่ยกระทิงแดงขับรถเร็วเกินกว่ากม.กำหนด ทำให้คนอื่นเสียชีวิต หมดอายุความ (อายุความ 1 ปี) และข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งมีทั้งปล่อยให้หมดอายุความ และต่อมาก็ไม่สั่งฟ้อง แม้ว่าจะดูเผินๆ ว่าเป็นแค่คดีลหุโทษ แต่มันก็มีความหมายต่อคดีที่สังฟ้องสองข้อหาที่ตามมาคือ "ข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และข้อหา ไม่หยุดรถช่วยเหลือผู้ถูกชน" เพราะหากตัด หรือสั่งไม่ฟ้องสองข้อหาแรก เนื่องจากปล่อยให้หมดอายุความ ก็ทำให้สองข้อหาที่สั่งฟ้องแทบไม่มีน้ำหนัก อีกทั้งศาลก็จะตัดสินไปตามที่ ตร. และอัยการสั่งฟ้อง ซึ่งไม่อยากทำนายล่วงหน้า เป็นการ"ก้าวล่วง" แต่ผลที่ออกมามันน่าจะเดากันได้อยู่แล้ว !!

00 ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งเราก็ได้เห็นธาตุแท้ ของแจ๊ด ว่าที่แท้เป็น"นักแสดง" ที่รู้จักจังหวะ เล่นได้เนียน แต่บังเอิญว่าช่วงที่ถลุงฝ่ายตรงข้ามเพลินๆ อยู่นั้น "กินหมู" คำใหญ่ แต่อย่างว่าบางครั้ง "คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต" ก่อนแถลงข่าวทำแต้มดันลืมปลดรูป"โจรในห้อง" ทำให้"ความแตก" เสียเครดิตจนรู้จักตัวตนจาก "มีวันนี้เพราะพี่ (โจร)ให้จริงๆ" และคดีลูกกระทิงแดง เสี่ยแจ๊ดดูแล้วก็เงียบๆ จ๋องๆ พิกล ไม่รู้ว่ามีอะไร "ปิดปาก" หรือเปล่า ข้องใจว่ะ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น