อัยการเตรียมประสานตำรวจขออนุมัติหมายจับลูกชายกระทิงแดงจากศาล เหตุไม่มาฟังคำสั่งฟ้องในคดีขับรถยนต์เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดตามที่อัยการนัด และไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาทายาทกระทิงแดงส่งทนายยื่นใบรับรองแพทย์อ้างป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่กะทันหันอยู่สิงคโปร์ไม่สามารถเดินทางมาได้ ด้านอัยการจ่อสลักหลังคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีและเลื่อนนัดอัยการหลายครั้ง
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่สำนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 53 นายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษฝ่ายคดีอาญาใต้ 1 นัดส่งตัวนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส อายุ 28 ปี บุตรชายนักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ตกเป็นผู้ต้องหาคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ เพื่อฟ้องคดีที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง 3 ข้อหาฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้เสียทรัพย์ ข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน และข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดฯ จากกรณีที่รถพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต โดยลากศพไปไกลกว่า 200 เมตร บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 49 ช่วงเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย. 2555
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายวรยุทธได้มอบหมายให้นายธนิต บัวเขียว ทนายความส่วนตัว นำใบรับรองแพทย์จาก M.B.B.S. (Singapore) ประเทศสิงคโปร์ ลงวันที่ 1 ก.ย.มายื่นให้อัยการ โดยอ้างเหตุป่วยกะทันหันไม่สามารถเดินทางมาได้
ภายหลังนายธนิตเปิดเผยพร้อมโชว์ใบรับรองแพทย์ว่า ขณะนี้นายวรยุทธพักรักษาตัวอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากมีอาการป่วยกะทันหันสืบเนื่องจากอาการที่เป็นไข้หวัดใหญ่ก่อนหน้านี้ ซึ่งเคยนำใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลย่านปทุมธานีมาให้อัยการเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา และนายวรยุทธได้เดินทางไปติดต่อเรื่องธุรกิจที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกคิดว่าจะสามารถเดินทางกลับและมาพบอัยการได้ทันวันที่ 2 ก.ย.นี้ แต่เมื่อป่วยกะทันหันจึงต้องรักษาอาการ ซึ่งแพทย์ได้ให้ความเห็นว่าจะต้องพักรักษาตัวก่อนอีกประมาณ 2-3 วัน แล้วจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อพบอัยการ ส่วนที่ตนเพิ่งนำเอกสารมาแจ้งอัยการในช่วงบ่ายวันนี้ เพราะต้องใช้เวลาประสานนำเอกสารจากประเทศสิงคโปร์มาเพื่อยื่นต่ออัยการ จึงไม่ได้ซักถามรายละเอียดมากนัก ซึ่งการยื่นใบรับรองแพทย์ครั้งนี้ทางนายวรยุทธก็มีความหนักใจเช่นกัน แต่มีความจำเป็นจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบเลี่ยง
ด้านนายฤชากล่าวว่า ตลอดทั้งวันได้โทรศัพท์ติดต่อทางบ้านของนายวรยุทธและทนายความแต่ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อไม่ได้ตัวมาจึงไม่สามารถนำตัวไปฟ้องต่อศาลได้ ทำให้ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดฯ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษมีอายุความ 1 ปีที่จะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ไม่สามารถนำตัวไปฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ทัน แต่ก็ไม่มีผลต่อสำนวน เนื่องจากคดีนี้ยังมีความผิดที่อัยการสั่งฟ้องนายวรยุทธอีก 2 ข้อหาใหญ่คือขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้เสียทรัพย์ ข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน
นายฤชายังกล่าวว่า อัยการได้ร่างคำฟ้องไว้พร้อมแล้วทุกข้อหา แต่เมื่อหมดอายุความก็จะแก้คำฟ้องคงเหลือ 2 ข้อหาหลัก โดยบรรยายว่าเป็นผลจากการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดฯ ทั้งนี้ ตนจะทำหนังสือเสนอนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ เพื่อให้พิจารณามีคำสั่งว่าจะให้นำตัวมาฟ้อง 2 ข้อหาที่เหลือเมื่อใด ซึ่งในการฟ้องคดีอัยการจะระบุท้ายฟ้องด้วยว่าขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเห็นว่ามีพฤติการณ์หลบหนีเลื่อนนัดอัยการหลายครั้ง โดยในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) อัยการจะแจ้งพนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับ เพื่อติดตามตัวมาส่งฟ้องข้อหาที่เหลือ ซึ่งหากออกหมายจับแล้ว เมื่อพบผู้ต้องหาที่ใดก็สามารถจับกุมตัวได้ทันที อย่างไรก็ตาม ใบรับรองแพทย์ที่นำมายื่นในวันนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบและยังไม่ได้ตรวจสอบว่านายวรยุทธเดินทางออกนอกประเทศจริงหรือไม่