เลื่อนสั่งคดี “ลูกชายกระทิงแดง” ซิ่งเฟอร์รารีพุ่งชน ตร.ทองหล่อเสียชีวิต

อัยการเลื่อนสั่งคดี “ลูกชายกระทิงแดง” ซิ่งเฟอร์รารีพุ่งชน ตร.ทองหล่อเสียชีวิต เหตุพนักงานสอบสวนยังสอบเพิ่มเติมไม่เสร็จ ประกอบกับเจ้าตัวไม่สบาย

วันนี้ (26 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ถ.เจริญกรุง 63 นายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เจ้าของสำนวนคดีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส อายุ 28 ปี บุตรชายของนายเฉลิม อยู่วิทยา นักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อกระทิงแดง ตกเป็นผู้ต้องหาคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ กรณีที่รถพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต โดยลากศพไปไกลกว่า 200 เมตร บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 49 ช่วงเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย. 2555 กล่าวว่าในวันนี้ทางอัยการฝ่ายคดีอาญาใต้ได้มีคำสั่งให้เลื่อนการสี่งคดีออกไปก่อนเนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ในประเด็นขับรถเร็วเกินอัตรากฎหมายกำหนด ซึ่งขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม 4 ปาก รวมทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญ 2 ปากที่ได้ตรวจสอบความเร็ว ซึ่งอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม แต่จนวันนี้ทางเจ้าพนักงานสอบสวนยังสอบสวนเพิ่มเติมไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งในวันนี้ทางผู้ต้องหาเองก็ได้ส่งทนายความมาประสานเพื่อขอให้เลื่อนการสั่งคดีออกไปก่อนเนื่องจากผู้ต้องหาไม่สบายโดยมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน ทางอัยการจึงอนุญาตให้เลื่อนการสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 2 ก.ย.เวลา 10.00 น.ซึ่งจะเป็นช่วงก่อนหมดอายุความข้อหาขับรถเร็วเกินอัตรากฎหมายกำหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเลื่อนการสั่งคดีครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 5 สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาเพียง 2 ข้อหา ฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน โดยมีความเห็นสมควรสั่งไม่ฟ้อง 2 ข้อหา ฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และขับรถขณะมึนเมาสุราซึ่งทางอัยการพิจารณาแล้วเห็นควรให้ฟ้องฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดฯ อีก 1 ข้อหา เนื่องหลักฐานจากกล้องวงจรปิดจับภาพรถยนต์ขณะที่ผู้ต้องหาขับผ่านซึ่งผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่ามีความเร็วสูงถึง 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนข้อหาขับรถขณะมึนเมาสุรานั้นมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวน เพราะพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนฟังไม่ได้แน่ชัดว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ขณะขับรถหรือไม่