ประธานวิปฝ่ายค้าน ยันรัฐบาลไม่ได้แก้ รธน.เพื่อประชาชน แถมทำกฎหมายอื่นค้างวาระเพียบ ซัดเอาแต่ลอยตัวเมินแก้ปัญหาปากท้องจริงจัง ด้านโฆษก ปชป.ซัดปิดปากสมาชิกจ้อ ชี้ “นิคม” ได้ประโยชน์แน่หลังแก้เสร็จ พร้อมประณามทำเพื่อส่วนตัว
วันนี้ (7 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.55 น. ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการปิดอภิปรายในมาตรา 6 ของการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) ว่า เราได้พยายามท้วงว่าเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลไม่ได้สนใจแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน แต่กลับสนใจแก้รัฐธรรมนูญที่ให้ประโยชน์ต่อคน 2 กลุ่ม คือ 1. รัฐบาล ที่หวังจะให้มีวุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งเพื่อที่จะได้เข้าไปครอบงำวุฒิสภาในอนาคต และ 2. กลุ่ม ส.ว.70 กว่าคนที่มาจากการเลือกตั้งให้ลงรับสมัครเลือกตั้งซ้ำได้ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ลงรับเลือกตั้งได้ ขณะที่เรื่องที่เป็นปัญหาของคนส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับการแก้ไข และวันของการประชุมสภาที่จะพิจารณากฎหมายอื่นๆ ที่สำคัญก็ถูกใช้ไปในการแก้รัฐธรรมนูญ เช่น กฎหมายที่จะเลือกตั้งคณะกรรมการที่จะเลือกกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อนำไปสู่การตั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน จนวันนี้ยังค้างอยู่ในวาระของสภา ก็ไม่สามารถนำมาพิจารณาได้เพราะเอาการแก้รัฐธรรมนูญมาพูดกันแทนในทุกวันพุธ
นายจุรินทร์กล่าวว่า ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร และราคาสินค้าก็ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง ข่าวล่าสุดนายกสมาคมภัตตาคารไทยขอเพิ่มราคาข้าวแกงอีกจานละ 15 บาทในตอนสิ้นปี นี่ถือเป็นข่าวร้ายที่สุดสำหรับคนไทยทั้งประเทศโดยเฉพาะคนจนเดินดินกินข้าวแกงจะยังชีพได้อย่างไร รัฐบาลสนใจจะลงมาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังหรือไม่ นอกจากลอยตัวและนายกฯก็ไปทัวร์แต่เมืองนอก ทั้งที่นายกฯ ควรอยู่ในประเทศแล้วลงมาแก้ปัญหาที่รัฐบาลนี้ก่อขึ้น ตนคิดว่าหากรัฐบาลไม่ใส่ใจ ลอยไปลอยมาอย่างนี้รัฐบาลนี้จะต้องรับผลกรรมและภาระที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รัฐบาลควรเร่งลงมาแก้ปัญหา เลิกทำเพื่อตัวเอง
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ รัฐบาลกลับใช้วิธีการเสนอญัตติขอปิดการอภิปราย ทั้งที่ยังมี ส.ส.ที่เหลืออีกจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นการปิดปาก และพรรคเห็นว่าการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงประโยชน์ของนักการเมืองและพวกพ้อง โดยเฉพาะการเปิดให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ 2 สมัยติดกัน รวมถึงนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมนั้น เมื่อหมดวาระลง ก็สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ได้ในเดือน มี.ค.ถือเป็นประโยชน์ที่ขัดกัน
นายชวนนท์กล่าวว่า เรื่องนี้จึงสะท้องถึงความตกต่ำของนักการเมือง และมีเจตนาที่จะเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง อีกทั้งการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีการเร่งรัด ขณะที่ฝ่ายค้านต้องการใช้เวทีสภา เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน แต่ฝ่ายรัฐบาลเสนอปิดการอภิปราย ดังนั้น เราต้องประณามคนเหล่านี้ที่ใช้เวทีสภาเพื่อประโยชน์ตัวเอง ตนยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะต่อสู้อย่างเต็มที่
