ปธ.สภาพม่าระบุรัฐบาลมีบทบาทสำคัญแก้รัฐธรรมนูญเปิดทางซูจีขึ้นเป็น ปธน.

เอเอฟพี - ประธานสภาผู้แทนราษฎรพม่า ระบุว่า รัฐบาลจะมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของชาติฉบับที่ร่างขึ้นโดยทหาร ซึ่งระบุห้าม นางอองซานซูจี ขึ้นเป็นประธานาธิบดี

สมาชิกสภาฝ่ายค้าน และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ต่างหวั่นวิตกว่า สมาชิกสภาที่เป็นทหาร ซึ่งครองสัดส่วนที่นั่งในสภาถึง 25% ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อาจเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่คำนึงถึงว่ารัฐบาลเห็นชอบให้มีการเปลี่ยนแปลง

แต่นายฉ่วย มาน อดีตนายทหารที่กลายมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ (16) ว่า การพิจารณาที่จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปี 2558 จำเป็นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลของประธานาธิบดีเต็งเส่งเสียก่อน

และเมื่อเดือน ก.ค. รัฐสภาได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาเอกสารที่ร่างขึ้นจากสมาชิกสภานิติบัญญัติ 109 คน ที่รวมทั้งสมาชิกสภา 52 คน จากพรรคสหภาพเอกภาพและการพัฒนา (USDP) จากสมาชิกสภาฝ่ายทหาร 25 คน และอีก 7 คน จากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของนางออกซานซูจี

ฉ่วย มาน กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงเนปีดอ ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้น (ก่อนปี 2558) ลงได้ ขึ้นอยู่กับความพยายามระหว่างสมาชิกของคณะกรรมการ และเมื่อใดที่กฎหมายประกาศใช้ การมีส่วนร่วมของฝ่ายบริหารถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

อุปสรรคสำคัญของการดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของ ซูจี คือ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ร่างขึ้นภายใต้การปกครองของอดีตรัฐบาลทหาร ได้ระบุห้ามบุคคลใดก็ตามที่คู่สมรส หรือบุตรเป็นพลเมืองต่างชาติขึ้่นเป็นผู้นำประเทศ

นักการเมืองฝ่ายค้าน และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญที่ถูกเขียนขึ้นโดยอดีตรัฐบาลทหารเป็นเวลามากกว่าทศวรรษ และได้รับการอนุมัติโดยการลงประชามติทั่วประเทศในปี 2551 ไม่นานหลังจากประเทศถูกพายุโซโคลนพัดถล่ม

ฉ่วย มาน กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องกระทำอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง พร้อมยืนยันว่า ประเด็นดังกล่าวจะถูกดำเนินการอย่างจริงจังภายในรัฐสภา

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จก่อนปี 2558 เป็นงานยากสำหรับรัฐบาล ที่พวกเขาต้องการเสียงสนับสนุนของสมาชิกสภาสายทหาร อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งกล่าวว่า รัฐบาลจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำไปสู่การแก้ไข

“หากปราศจากความร่วมมือของฝ่ายบริหารเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้” สมาชิกสภาคนเดิมกล่าว

นางอองซานซูจี ได้กล่าวในเดือน มิ.ย. ว่า ต้องการที่จะลงสมัครรับเลือกเป็นประธานาธิบดี ส่วนประธานาธิบดีเต็งเส่ง ยังไม่ได้ระบุว่าจะลงรับสมัครเลือกตั้งในปี 2558 หรือไม่ ขณะที่นายฉ่วย มาน ประธานสภาที่เป็นกุญแจสำคัญในการปฏิรูปประเทศนับตั้งแต่สิ้นสุดการปกครองของทหารเมื่อปี 2554 เป็นอีกหนึ่งคนที่ประกาศตัวว่า จะลงรับสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี.