xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาม็อบยาง-ปาล์มภาคใต้ขยายวง ระวังมีอำนาจรัฐปกครองไม่ได้!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

การชุมนุมประท้วงของชาวสวนยางพาราและชาวสวนปาล์มน้ำมันในภาคใต้เรียกร้องให้รัฐบาลหันมาดูแลเอาใจใส่แก้ปัญหา โดยให้รับประกันราคารับซื้อยางแผ่นดิบในราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 100 บาท บางพื้นที่ได้ปักหลักปิดถนนกดดันยืดเยื้อนานกว่าสองสัปดาห์แล้ว และล่าสุดหลังจากวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมาได้ขยายวงลุกลามออกไปในหลายพื้นที่ โดยมีจุดสำคัญที่สหกรณ์สุราษฎร์ธานี (โค-ออป) ที่จังหวัดตรัง พัทลุง กระบี่ และที่ศาลากลางจังหวัดชุมพร เป็นต้น สถานการณ์ในพื้นที่ยังตึงเครียด อาจก่อให้เกิดเหตุบานปลายได้ตลอดเวลา เพราะที่ผ่านมายังยืนยันในเงื่อนไขการช่วยเหลือแบบเดิมนัั่นคือการช่วยเหลือเรื่องปุ๋ยไร่ละ 1,260 บาท จำนวนไม่เกิน 10 ไร่ เฉพาะชาวสวนที่มีเอกสารสิทธิที่ดินเท่านั้น ซึ่งชาวสวนย้ำว่าไม่ตรงจุด ไม่ทั่วถึง ที่สำคัญไม่ต้องการแบบนี้

อย่างไรก็ดี อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวสวนยางและชาวสวนปาล์มทางภาคใต้ไม่พอใจเพิ่มขึ้นและฮือกันปิดถนนบริเวณถนนสายหล้กหลายเส้นทาง ทำให้การจราจรทั้งขาขึ้นและขาล่องกรุงเทพฯ รวมทั้งเส้นทางรถไฟเป็นอัมพาตแทบจะสิ้นเชิงนั้น มาจากมติคณะรัฐมนตรีวันเดียวกัน หลังจากยืนยันไม่รับข้อเสนอของเกษตรกรชาวสวนยางที่ให้ประกันราคา แต่กลับมีมติช่วยเหลือชาวนาโดยอนุมัติโครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาลปี 56/57 โดยข้าวนาปีรับจำนำตันละ 15,000 บาท นาปรังตันละ 13,000 บาท จำกัดวงเงินครัวเรือะไม่เกิน 3.5 แสนบาท พร้อมทั้งกำหนดวงเงินในการรับซื้อเอาไว้แล้วกว่า 2.7 แสนล้านบาท รวมไปถึงหากย้อนคำพูดของ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ว่าได้ตั้งงบขาดทุนไว้ล่วงหน้าแล้วไม่เกิน 1 แสนล้านบาท (ฤดูกาลเดียว) หลังจากก่อนหน้านี้ใช้งบไปทั้งหมดรวมแล้วไม่ต่ำว่า 7 แสนล้านบาท ขาดทุนแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท ขณะที่ข้าวที่สต๊อกกำลังล้นโกดังเป็นอาหารของมอด หนู แมลงสาบเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ ส่งออกไม่ได้เพราะราคาสูงกว่าตลาดโลกกว่าสองเท่า

กลายเป็นความรู้สึก “สองมาตรฐาน” รัฐบาลไม่ยุติธรรม ไม่ดูแล ทำให้ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลเลือกที่จะอุ้มชูช่วยเหลือเฉพาะชาวนาในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลางที่เป็นฐานเสียงของตัวเอง ขณะที่ชาวสวนยางและปาล์มส่วนอยู่ทางภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของตัวเองเลยไม่ช่วยเหลือ ความรู้สึกแบบนี้หากไม่มีการระงับยับยั้งโดยเร็วมันก็จะเสี่ยงให้เกิดความวุ่นวายตามมา โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนใต้ที่มีปัญหานอกจากเรื่องความละเอียดอ่อนทางประวัติศาสตร์ มีความอ่อนไหวทางด้านความเชื่อและวัฒนธรรมในพื้นที่แล้วยังมีปัญหามาจากความ “ไม่ยุติธรรม” การ “เลือกปฏิบัติ”จากเจ้าหน้าที่รัฐ มันก็อาจลุกลามขึ้นมาถึงภาคใต้ตอนบน เพราะต้องไม่ลืมว่าเมื่อครั้งอดีตภาคใต้เคยมีบทเรียนเรื่องความรุนแรง การจับอาวุธลุกขึ้นสู้กับรัฐมาแล้ว

สิ่งที่สังเกตและจับความรู้สึกได้ก็คือ หลังจากที่เกิดการชุมนุมประท้วงตั้งแต่ในพื้นที่แยกควนหนองหงษ์ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นต้นมา จนมาถึงการชุมนุมใหญ่ในหลายพื้นที่เมื่อวันที่ 3 กันยายน รัฐบาลไม่เคยส่งคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างเช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุคล ลิ้มแหลมทอง ไม่เคยโผล่หน้าลงไปเลย ส่งใครก็ไม่รู้สร้างความรำคาญขัดหูขัดตาเปล่าๆ ทำเหมือนกับว่า “ไม่ให้เกียรติดูถูกชาวบ้าน” หรือล่าสุดส่ง พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองลงมาพบ แต่ก็เป็นแค่การรับข้อเสนอไปส่งให้อีกที ขณะเดียวกันมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ต้องแต่สลายการชุมนุมท่าเดียว ดูแล้วมันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวกับการชุมนุมของเกษตรกรกลุ่มอื่น ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานก็คือม็อบชาวนาที่รัฐบาบแทบจะไปอุ้มมาเจรจาเอาอกเอาใจสารพัด ประกาศลดราคาจำนำเหลือแค่ 12,000 บาทต่อตัน แต่เมื่อชาวนาไม่พอใจไม่ทันข้ามวันก็เปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม ไม่เห็นอ้าง“กลไกตลาด” สักแอะ

ตรงข้ามกับกรณีของชาวสวนยางและปาล์มอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากไม่ดูดำดูดีแล้ว ยังใช้“วิชามาร”ยุแยงให้เกิดความแตกแยกในพื้นที่ และใช้มวลชนทั้งภายนอกและภายในมากดดันโดยอ้างความเดือดร้อนจากการปิดถนน ซึ่งจนถึงตอนนี้รัฐบาลก็ยังใช้วิธีดังกล่าวซื้อเวลาไปเรื่อยๆ หวังว่าม็อบจะฝ่อไปเอง หรือแตกแยกกันเองแล้วอ่อนแรงลงจนยุติไปเอง รวมถึงง่ายต่อการใช้กำลังเข้าสลายในที่สุด

อย่างไรก็ดีอีกมุมหนึ่งก็รับรู้มาตั้งนานแล้วว่ารัฐบาล “ถังแตก” เพราะขาดดุลบัญชีเงินสดมานาน 3-4 เดือนติดต่อกันแล้ว ไม่มีเงินสำหรับใช้ในโครงการอุดหนุนหรือประกันราคาสินค้าเกษตรโครงการใดแล้ว แต่ที่สำคัญก็คือไม่กล้าพูดกันแบบเปิดอก แต่เลือกใช้วิชามารทำลายฝ่ายที่ไม่สยบยอม มันก็ยิ่งเสี่ยงบานปลาย เพราะยิ่งสร่างความเดือดร้อนไม่สิ้นสุด และแม้รัฐบาลยังมั่นใจว่ามีอำนาจรัฐอยู่ในมือ แต่ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ระวังจะเข้าลักษณะ “มีอำนาจแต่บริหารไม่ได้” ซึ่งมีโอกาสเดินไปในเส้นทางนั้นสูงไม่น้อย!!

กำลังโหลดความคิดเห็น