หน.ประชาธิปัตย์ ชมอดีตนายกฯ อังกฤษเข้าใจปมไทย ชี้ติงเหมือนกันกับทุกฝ่าย ชูต่างชาติรู้รัฐสร้างภาพ เชื่อยากเอาข้อเสนอไปพิจารณา ยังไม่รู้สภาปฏิรูปผลคืออะไร คาดมีธงจึงไม่ฟังใคร เตือน ส.พระปกเกล้าอย่าเป็นเหยื่อ เผยทูตผู้ดียัน “แบลร์” ไม่ได้บอกกับ “ปู” จะมาชวนร่วมวงปฏิรูป เห็นใจผู้จัดอึดอัดเลยหักหน้าอดีตเลขาฯ อาเซียน ยังไม่ได้คุยพิมพ์เขียวเวอร์ชันภาคประชาชน
วันนี้ (3 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพูดคุยกับนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษว่า นายโทนีมีความเข้าใจในสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศค่อนข้างดี และคิดว่าหากรัฐบาลจะรับฟังสิ่งที่นายโทนี รวมถึงอดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ที่พูดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยได้ติงรัฐบาลเรื่องความขัดแย้งเหมือนกับที่หลายฝ่ายเคยติงมาก่อนว่าการจะดำเนินการเรื่องนี้ต้องเป็นไปในลักษณะที่ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการยอมรับ ส่วนที่มีการพูดบนเวทีว่าเสียงข้างมากไม่ควรกินรวบแสดงเห็นว่าผู้ที่ร่วมปาฐกถาเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี จึงรู้ว่าเหตุใดฝ่ายค้านจึงไม่เข้าร่วม และที่แปลกไปกว่านั้นคือการจัดงานครั้งนี้เกิดการสับสน ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบและกระบวนการต่อไปจะเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้ยังมีการจัดงานต่อเนื่องและพยายามให้หลายฝ่ายแสดงความเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมคัดค้านทุกเรื่อง
“รัฐบาลพยายามสร้างชอบธรรม สร้างภาพ แต่คราวนี้คิดว่าชาวต่างชาติเข้าใจดีแล้ว และให้คำแนะนำมา ถ้ารัฐบาลไม่ได้เปิดเวทีนี้เพื่อสร้างภาพ ก็ต้องกลับไปทบทวน จะดำเนินการเรื่องนี้ต่ออย่างไร”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่ารัฐบาลจะนำคำแนะนำของนายโทนี่ ไปพิจารณาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ยาก เพราะว่าตนทราบว่าแม้แต่เมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) ที่มีการพบปะกันหลายฝ่าย เหมือนว่าคนที่จะทำงานเรื่องนี้ ก็รู้ดีว่าไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องที่เป็นปัญหาได้ โดยรัฐบาลถูกจำกัดประเด็นต่างๆ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดง เลยไม่สามารถจะขยับหาแนวทางเพื่อให้ทุกฝ่ายหาทางออกได้ ตนยังไม่ทราบจริงๆ ว่าสิ่งที่รัฐบาลคาดหวังจากสภาปฏิรูปคืออะไร เพราะปัญหาหลักที่เกี่ยวกับความขัดแย้งได้ตอกย้ำหลายครั้งว่า ไม่มีการนำเอาไปพูดจริง ส่วนประเด็นอื่นของกรรมการปฏิรูปชุดอื่นๆ รัฐบาลก็ปฏิเสธไปหมดแล้ว จึงนึกไม่ออกว่าวันนี้จะมีอะไรบันดาลใจให้มาปรับเปลี่ยน
ส่วนกรณีที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีจะนำรายงานของสถาบันพระปกเกล้ามาพิจารณา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลมีการเลือกรายงานบางฉบับ แต่ไม่เคยพูดถึงแม้แต่รายงานของ คอป. ซึ่งเป็นเรื่องแปลกและคิดว่าผู้มาร่วมปาฐกถาต้องแปลกใจมาก เพราะมาครั้งก่อนรัฐบาลแถลงนโยบายว่าจะสนับสนุนรายงานนี้ แต่มาวันนี้ไปหยิบรายงานฉบับอื่นที่มีข้อครหา และเชื่อว่าเรื่องที่สานเสวนาผลสรุปจะไม่ต่างจากเอกสารที่มีการเซ็นไว้ก่อน ซึ่งหลักฐานก็มีอยู่ เห็นชัดว่าหลายฝ่ายเห็นว่ารัฐบาลมีธง และไม่จริงใจที่จะรับฟังใคร แต่ว่าพยายามสร้างกระบวนการให้เกิดความชอบธรรมขึ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สถาบันพระปกเกล้าต้องอย่าตกเป็นเหยื่อในการถูกนำไปกล่าวอ้าง แม้รัฐบาลจะหยิบยกรายงานของ กมธ.ปรองดอง และของสถาบันพระปกเกล้ามาเป็นคำตอบของประเทศ ความขัดแย้งก็ยังรุนแรงอยู่ เหมือนเมื่อปีที่แล้วที่พยายามผลักดันเข้ามาและมีการเติมเชื้อไฟตลอดทั้งปี รัฐบาลต้องตั้งหลักใหม่ในเรื่องนี้ เห็นได้ชัดจากเมื่อวานว่า กระบวนการพยายามสร้างภาพและสร้างความชอบธรรมนั้นไปได้ยาก ควรกลัมาอยู่กับความจริงและหันมาแก้ปัญหาเรื่องปากท้องต่างๆ ทั้งเรื่องพลังงานและยางพาราควรคลี่คลายก่อนสถานการณ์บานปลายจะดีที่สุด
ส่วนกรณีที่โฆษกรัฐบาลอ้างว่านายโทนี่ กล่าวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจะมาพยายามกล่อมพรรคประชาธิปัตย์ให้เข้าร่วมสภาปฎิรูป นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เอกอัครทูตอังกฤษซึ่งอยู่ในวงสัมนาด้วยได้ยืนยันกับตนว่าระหว่างที่นายโทนี พูดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ และนายโทนี่ ก็ไม่ได้พูดคุยกับตนในระหว่างพบกัน ก่อนหน้านี้นายโทนี่ เคยพบกับตนเมื่อปีที่ผ่านมาและทราบถึงจุดยืนและข้อห่วงใยของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้วว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่เป็นอย่างไร จึงไม่มีประเด็นและเหตุผล ที่จะไปบอกกับนายกฯ ว่าจะพูดกับตนเรื่องสภาปฎิรูป ซึ่งตนไม่ทราบว่าทำไมว่าที่มาพูดเช่นนี้มีเจตนาอะไร เหมือนกระบวนการจัดงาน 2-3 วันที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าไม่มีความจริงใจ ในการเชิญฝ่ายต่างๆ เข้าไปร่วมหาทางออก ตนเชื่อว่านายโทนี เข้าใจดีและสิ่งที่ได้พูดบนเวทีสะท้อนให้เห็นว่า เข้าใจถึงเงื่อนไขว่ารัฐบาลไม่ได้ทำให้ความปรองดองเกิดขึ้นจริง ถึงได้เตือนเรื่องการใช้เสียงข้างมากในการรวบอำนาจ
ส่วนกรณีที่นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ได้ซักถามคนนอกประเทศที่ยังคงสร้างความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง แต่ได้รับการตัดบทให้แสดงความคิดเห็นนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้พบหลายคนโดยบอกว่าจะไปพูดประเด็นเดียวกันนี้ แต่ตนได้เตือนว่าคงยาก เพราะคงจะให้พูดเพียงหนึ่งถึงสองนาทีโดยไม่มีการรับฟังหรือมีปฏิกิริยาแลกเปลี่ยนอะไร และก็ออกมาเป็นเช่นนั้นจริง แต่ตนก็เห็นใจผู้ดำเนินรายการมีการแสดงท่าทีอึดอัดในหลายเรื่อง เพราะก่อนที่จะเริ่มต้นคิดงานนี้ความคิดเป็นอีกกรอบหนึ่ง โดยไม่ได้คิดเรื่องการเมืองตรงนี้ด้วยซ้ำ แต่ครอบคลุมไปถึงปัญหาภาคใต้ เช่นกรณีของนายโทนี่ ตั้งใจที่จะมาพูดเรื่องประสบการณ์ที่ไอร์แลนด์เป็นหลักด้วยซ้ำ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มภาคประชาชนจะมีการตั้งสภาปฎิรูปคู่ขนานกับสภาปฎิรูปของรัฐบาล ทางพรรคประชาธิปัตย์มีการหารือที่จะเข้าร่วมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการคุยรายละเอียดว่าใครจะทำอะไร แต่งานของคณะกรรมการปฎิรูปต่างๆ ของพรรค เช่น นโยบายการปฎิรูปประเทศผ่านโครงการพิมพ์เขียวประเทศไทย ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าควรเน้นมากขึ้น ส่วนจะไปร่วมมือกับใครขึ้นอยู่กับว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และขึ้นอยู่กับภาคประชาชนว่าอยากให้ฝ่ายการเมืองไปเข้าร่วมหรือไม่ ซึ่งหากอยากให้เข้าไปร่วมเราก็พร้อม